นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กรมศุลกากร บริษัท เวสท์ แมนเนจเม้นท์ สยาม จำกัด และบริษัท บางปู เอนไวรอนเมนทอล คอมเพล็กซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Dowa Eco Systems จากประเทศญี่ปุ่น เผาทำลายสารทำความเย็นที่จับกุมได้จากการลักลอบนำเข้าประเทศกว่า 10,000 ถัง
ทั้งนี้ กนอ.ได้อนุญาตให้บริษัทฯ เผาสารทำความเย็นดังกล่าวภายใต้เงื่อนไขที่ต้องควบคุมประสิทธิภาพในการเผาทำลายให้ไม่น้อยกว่า 99.99% โดยบริษัท โดวะ อีโค่ ซิสเต็มส์ จำกัด และบริษัท เวสท์ แมเนจเม้นท์ สยาม จำกัด ได้พัฒนาต่อยอดและถ่ายทอดเทคโนโลยีที่มีมาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่นมาดำเนินการที่ประเทศไทยจนประสบผลสำเร็จ
สำหรับการเผาทำลายสารทำความเย็นที่ผ่านมาทั้งหมดจนถึงครั้งล่าสุดรวมประมาณ 147 ตัน ซึ่งในการเผาครั้งล่าสุดเพียงวันเดียวสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้แล้วกว่า 1.2 ล้านตันของคาร์บอน เกินครึ่งของเป้าหมายปี 2566 ที่ต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 2 ล้านตันของคาร์บอน ทั้งที่ยังไม่ผ่านไตรมาส 1 ถือเป็นความร่วมมือที่สำคัญมากและเป็นครั้งแรกของโลก เพราะยังมีเพียงไม่กี่ที่ทั่วโลก เช่น ไทย สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และอาจจะมีประเทศญี่ปุ่นด้วย
นายวีริศ กล่าวต่อไปอีกว่า การดำเนินการดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทยในการก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) เพื่อนำไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในที่สุด
"กนอ.ได้รับการประสานจากกรมศุลกากร ผ่านกรมโรงงานอุตสาหกรรม ตั้งแต่ปี 2558 เรื่อยมา เพื่อขอความอนุเคราะห์ใช้เตาเผาซึ่งอยู่ในการกำกับดูแล ของ กนอ. โดยเป็นเตาเผาระบบฟลูอิดไดซ์เบด (Fluidized Bed) ที่ กนอ.ได้รับความช่วยเหลือด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์เตาเผาพร้อมระบบผลิตไอน้ำภายใต้โครงการอนุรักษ์พลังงานและพิทักษ์สิ่งแวดล้อมจากองค์กรพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม หรือ NEDO ของญี่ปุ่น และบริหารโดยบริษัท เวสท์ แมนเนจเม้นท์ สยาม จำกัด ภายใต้ชื่อ โครงการบางปู เอนไวรอนเมนทอล คอมเพล็กซ์ หรือ BPEC เพื่อเผาทำลายสารทำความเย็นที่กรมศุลกากรจับกุมได้"
นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า ตั้งแต่ ปี 2558 มีการทดลองเผาสารทำความเย็นด้วยการควบคุมประสิทธิภาพในการเผาทำลายให้ไม่น้อยกว่า 99.99% ซึ่งในที่สุดการกำจัดสารทำความเย็นอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมก็เกิดขึ้นจริงแล้ว โดยที่บริษัทฯ สามารถรับสารทำความเย็นที่คงค้างทั้งหมดของกรมศุลกากร จำนวนมากกว่า 10,000 ถัง มาเผาทำลายที่เตาเผาครั้งนี้
โดยความร่วมมือของจัดการสารทำความเย็นของหลายหน่วยงานถือเป็นต้นแบบที่แท้จริงในการจัดการสารทำความเย็นในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน สามารถลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดสภาวะโลกร้อนได้มากกว่า 1.2 ล้านตันของคาร์บอน
นายถวัลย์ รอดจิตต์ ผู้อำนวยการกองสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร กล่าวว่า โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากกรมศุลกากรมีสารทำความเย็น หรือสารฟลูออโรคาร์บอนที่จับกุมได้จากการลักลอบนำเข้าอย่างผิดกฎหมายอยู่จำนวนมากกว่า 130 ตัน หรือมากกว่าหมื่นถัง
ซึ่งการทำลายสารทำความเย็นนี้ต้องดำเนินการอย่างถูกวิธี จึงได้หารือร่วมกันเพื่อทำให้เกิดโครงนี้ขึ้น เริ่มจากการส่งมอบสารทำความเย็นในกำกับดูแลให้แก่บริษัท เวสท์ แมเนจเม้นท์ สยาม จำกัด ซึ่งได้ดำเนินการเผาทำลายสารทำความเย็นดังกล่าวอย่างถูกวิธี โดยคาดการณ์ว่าจะใช้เวลาดำเนินการเผาทำลายสารทำความเย็นทั้งหมดประมาณ 18 เดือน
นายยาซุฮารุ ยะใน ประธานกรรมการ บริษัท Dowa Eco systems จำกัด (บริษัทโดวะ อีโคซิสเต็ม จำกัด) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ บริษัท เวสท์ แมเนจเม้นท์ สยาม จำกัด และ บริษัทบางปู เอนไวรอนเมนทอล คอมเพล็กซ์ จำกัด กล่าวว่า บริษัท บางปู เอนไวรอนเมนทอลฯ มีการบริหารจัดการของเสียจากภาคอุตสาหกรรมเพื่อนำมากำจัดอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ และสามารถนำความร้อนมาใช้ประโยชน์ในการผลิตไอน้ำ รวมถึงผลิตไฟฟ้าได้ ปัจจุบันสามารถจัดการได้ทั้งของเสียอันตรายและไม่อันตราย รวมถึงสารทำความเย็นด้วย
นอกจากนี้ ยังศึกษาและพัฒนาการจัดการไฮบริดแบตเตอรี่จนสามารถดำเนินการติดตั้งเตาเผาสำหรับจัดการไฮบริดแบตเตอรี่ขึ้นเป็นแห่งแรกในประเทศไทยอีกด้วย
สำหรับเตาเผาฟลูอิดไดซ์เบด เป็นระบบเตาเผาที่ใช้ทรายเป็นตัวกลางในการนำความร้อน โดยหลักการในการเผาทำลายสารทำความเย็นจะเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการจัดเก็บสารทำความเย็นจากอุปกรณ์ต่างๆ เช่น แอร์ ตู้เย็น เครื่องทำความเย็น ระบบทำความเย็นในรถยนต์