เห็นเล็กๆแบบนี้แต่ก็มีมูลค่ามหาศาล เรากำลังพูดถึง “ทราย” ที่ตอนนี้กำลังเกิด "วิกฤติทรายกำลังหมดโลก" ขึ้น อาจจะเคยได้ยินว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเกิดจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล แต่ถ้าพิจารณาทรายและกรวด จะพบว่าเป็นกลุ่มวัสดุที่สกัดออกมามากที่สุด เพราะการขยายตัวของเมืองและการเติบโตของประชากรโลกกำลังกระตุ้นความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน จีน อินเดีย และแอฟริกา
ข้อมูลจาก nature.com ชี้ให้เห็นว่าทั่วโลกมีการใช้ประมาณ 3.2 หมื่นล้านถึง 5 หมื่นล้านตันในแต่ละปี ถือเป็นอุตสาหกรรมสกัดทรัพยากรธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก ส่วนใหญ่ใช้ในการผลิตคอนกรีต แก้ว และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งนี้เกินกว่าความเร็วของการฟื้นฟูตามธรรมชาติ มีการคาดการณ์ว่าในช่วงกลางศตวรรษ อุปสงค์อาจแซงหน้า รวมทั้งการขาดความรู้และการกำกับดูแลทำให้การแสวงประโยชน์ที่ไม่ยั่งยืนนี้เกิดขึ้น
สอดคล้องกับที่ UNEP หน่วยงานสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ เคยเตือนว่า โลกกำลังเข้าสู่ "วิกฤตการณ์ทรายหมดโลก Sand Crisis" จากที่มนุษย์ใช้ทรายสูงถึง 5 หมื่นล้านตันต่อปี หรือประมาณ 17 กิโลกรัมต่อคนต่อวันในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา นี่อาจนำไปสู่สู่หายนะของมนุษยชาติได้
นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า สิ่งนี้ถือเป็นหนึ่งในความท้าทายด้านความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของศตวรรษที่ 21 ถึงเวลาตื่นตระหนกแล้วหรือยัง? ที่ต้องพิจารณาและเปลี่ยนการรับรู้ของมนุษย์เกี่ยวกับทราย
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ “ทราย” กำลังจะหมดโลก
สำหรับทรายจากชายหาดแม่น้ำและก้นทะเลมีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศ สามารถป้องกันที่เกิดขึ้นบนชายฝั่งของปรากฏการณ์ในชั้นบรรยากาศที่รุนแรง
หากใช้ทรายมากเกินไปจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางธรรมชาติในทางลบ สัตว์และพันธุ์พืชอาศัยอยู่ได้รับผลกระทบส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหาร
การขุดทรายจะขัดขวางการไหลอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดการขาดดุลในบางพื้นที่ของชายหาด อีกทั้งพื้นที่รองรับน้ำเสียสมดุล จะส่งผลให้น้ำท่วมมากขึ้น
แม้ตอนนี้ทรายจะยังไม่ได้หมดโลกไปจริงๆ เเต่สัญญาณเตือนดังกล่าวก็เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ สิ่งที่เริ่มต้นได้คือ การตระหนักรู้ว่าทรายเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ทั้งยังสร้างผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
อ้างอิง : nature.com , unep.org