"SPCG" ปรับแผนรุกโซลาร์รูฟรับ "Net Zero"

27 ก.พ. 2566 | 05:25 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ก.พ. 2566 | 05:25 น.

"SPCG" ปรับแผนรุกโซลาร์รูฟรับ "Net Zero" หลังค่าไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง และกระแสการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดที่มีความต้องการมากขึ้น

นางวันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เปิดเผยว่า บริษัทได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนแผนการตลาดและกลยุทธ์ในการขายอยู่ตลอด โดยเฉพาะในส่วนของการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Power Roof System) หรือโซลาร์รูฟ

ทั้งนี้ เนื่องจากค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับกระแสการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดที่มีความต้องการมากขึ้น ด้วยนโยบายที่ประกาศให้ประเทศไทยจะเข้าสู่การใช้พลังงานในรูปแบบ Carbon Neutral ในปี 2050 และเป็น Net Zero ในปี 2065 

อีกทั้งต้นทุนการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ได้ลดลง ถูกกว่าการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน ถ่านหิน ซึ่งนอกจากจะมีราคาสูงแล้ว ยังมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จากการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมสำคัญของโลกปัจจุบัน

นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและทางเลือกให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม โดยในส่วนของบริษัท โซลาร์ เพาเวอร์ รูฟ จำกัด หรือ “SPR” (บริษัทในเครือ SPCG) ปี 65 มีรายได้จำนวน 512.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 141% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยได้มีการติดตั้งไปแล้วกว่า 200 เมกะวัตต์  

SPCG ปรับแผนรุกโซลาร์รูฟรับ Net Zero สำหรับโครงการโซลาร์ฟาร์ม Fukuoka Miyako Mega Solar ประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 67 เมกะวัตต์ (MW) แบ่งเป็น 2 Phase ได้แก่ North Phase 23 เมกะวัตต์ (MW) และ South Phase 44 เมกะวัตต์ (MW) ได้ดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ครบทั้ง 2 Phase เดือนกันยายน 2564 และเดือนกุมภาพันธ์ 2566 

โครงการดังกล่าวมีงบการลงทุนทั้งสิ้น 3,140 ล้านเยน หรือ ประมาณ 805 ล้านบาท โดย SPCG ถือหุ้นที่ 10% คิดเป็นเงินจำนวน 314 ล้านเยน หรือประมาณ 91 ล้านบาท ซึ่งโครงการดังกล่าวมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบ FiT 36 เยนต่อหน่วย ระยะเวลารับซื้อไฟฟ้า North Phase 18.7 ปี และ South Phase 17.8 ปี โดยมี Kyushu Electric Power Co., Inc. เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้า

ด้านโครงการ Ukujima Mega Solar Project ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 480 เมกะวัตต์ (MW) งบการลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 178,758 ล้านเยน หรือประมาณ 60,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 17.92% หรือคิดเป็นเงินจำนวน 9,000 ล้านเยน หรือประมาณ 2,700 ล้านบาท บริษัทจะชำระเงินงวดที่เหลือภายในปี 2566 โดยปัจจุบันโครงการดังกล่าวมีความคืบหน้ามากขึ้น อยู่ระหว่างขั้นตอนการก่อสร้าง โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในเดือนกรกฎาคม 2567 

“โซลาร์ฟาร์มที่ญี่ปุ่นทุกโครงการที่บริษัทลงทุน นอกจากจะสามารถช่วยลดสภาวะโลกร้อน หรือ Climate Change แล้ว ยังสร้างผลตอบแทนที่ดีกลับคืนมาให้บริษัทได้ในอนาคต” 

นอกจากนี้บริษัทยังคงมองหาการลงทุนโครงการใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัท โดยจะเน้นไปที่พลังงานหมุนเวียนเป็นหลัก โดยได้ตั้งเป้าหมายในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 1,000 เมกะวัตต์