ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC เปิดเผยว่า GC ได้ดำเนินการร่่วมกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส (AIS) สร้างต้นแบบองค์กรที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกมิติ
ทั้งนี้ ตั้งแต่การนำโครงข่ายอัจฉริยะด้วยระบบ IoT และ 5G โซลูชัน มาเพิ่มขีดความสามารถยกระดับกระบวนการทำงานเพื่อประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สู่การเป็น Smart Operations และโรงงานอัจฉริยะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
อีกทั้งยังมีการแบ่งปันองค์ความรู้การบริหารจัดการขยะทั้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ และพลาสติกใช้แล้วผ่านแพลตฟอร์มที่จะทำให้การสร้างการตระหนักรู้กับผู้บริโภค รวมถึงกระบวนการจัดการขยะมีประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มได้ในอนาคต
สำหรับ GC นั้น มุ่งดำเนินธุรกิจอย่างสมดุล ทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลที่ดี (ESG) มาอย่างต่อเนื่อง มุ่งสู่ Low Carbon & High Value Business เพื่อสร้างความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจอย่างแท้จริง
"ความร่วมมือดังกล่าวเป็นการนำจุดแข็งจากทั้ง 2 องค์กร มาร่วมกันต่อยอดธุรกิจและพัฒนาด้านความยั่งยืน ภายใต้การศึกษาการดำเนินงานร่วมกันในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก"
ดร.คงกระพัน กล่าวอีกว่า การบริหารจัดการพลาสติกใช้แล้วแบบครบวงจร GC มี YOUเทิร์น แพลตฟอร์ม ที่สามารถช่วยส่งเสริมการสร้างความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการวัสดุใช้แล้วอย่างถูกวิธีผ่านแคมเปญความร่วมมือในการบริหารจัดการพลาสติกใช้แล้วและขยะอิเล็กทรอนิกส์
นอกจากนี้ยังร่วมกันสนับสนุนและส่งเสริมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์รีไซเคิลและสินค้าอัพไซคลิ่งผ่านช่องทาง Online Platform เพื่อขยายผล สร้างการรับรู้สู่สังคมวงกว้าง สร้างความตระหนักรู้ พร้อมกระตุ้นจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมแก่ประชาชนในการคัดแยกและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับขยะประเภทต่างๆ อีกด้วย
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจ AIS มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศให้มีความแข็งแกร่งด้วยการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอนวัตกรรมการสื่อสารและบริการดิจิทัลใหม่ๆ ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตสามารถใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์และปลอดภัย
ควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าทั้งในด้านการนำดิจิทัลขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างการเข้าถึงดิจิทัลให้ทุกคนในสังคม รวมถึงดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ความร่วมมือดังกล่าวเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ ด้วยการใช้ศักยภาพของ Digital Infrastructure หรือโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเทคโนโลยีที่มีความแข็งแรง มาขับเคลื่อนแผนการดำเนินธุรกิจด้านความยั่งยืนในแกนด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งในเรื่องของการศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยี IoT&5G Solutions มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจของ GC Group อาทิ โซลูชันที่ช่วยบริการจัดการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยคาร์บอน
โดยใช้ข้อมูลแบบ Real-time จากอุปกรณ์ IoT เพื่อให้สามารถตัดสินใจวางแผนการทำงานและกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกเหนือจากนี้เรายังพัฒนาความร่วมมือในการบริหารจัดการวัสดุใช้แล้ว หรือแม้แต่ขยะทั้ง E-Waste และ พลาสติกใช้แล้วด้วยเครื่องมือด้านดิจิทัลแพลตฟอร์ม ผ่านกิจกรรมที่มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคอย่าง Green University ทิ้งเทิร์นให้โลกจำ ที่กำลังดำเนินการร่วมกับมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
"เชื่อว่าความร่วมมือกับ GC ในครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญที่จะต่อยอดแนวทางการดำเนินเพื่อความยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อมของทั้งสององค์กรให้เห็นผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น”