(28 มิ.ย. 66) กลุ่มบริษัทบางจาก จัดพิธีลงนามในสัญญาก่อสร้างหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel) หรือ SAF จากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ระหว่าง บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด กับบริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) สนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคอุตสาหกรรมการบิน ตอบโจทย์ BCG Economy Model
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ ทางบางจากจะเดินหน้าการก่อสร้างหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนจากน้ำมันพืชใช้แล้ว (SAF) โดยเป็นการร่วมสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมการบินในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ
ตามแผนขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization) ซึ่งทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับ SAF ในฐานะเชื้อเพลิงที่จะช่วยทำให้บรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์
โดยในฝั่งประเทศยุโรปมีการใช้มาตรการบังคับให้ผสม SAF ลงไปในน้ำมันอากาศยานทั่วไปในสัดส่วนอย่างน้อย 2% ภายในปี 2568 และกำหนดให้เพิ่มเป็น 5% ในปี 2573 จนถึงปี 2593 ที่ต้องผสมอยู่ที่ 70% ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นก็ตั้งเป้าหมายให้เครื่องบินสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ใช้สนามบินญี่ปุ่นจะต้องมีสัดส่วนการใช้ SAF อยู่ที่ 10% ภายในปี 2573
สำหรับหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน SAF ในโรงกลั่นน้ำมันบางจาก จะใช้เทคโนโลยีในการปรับสภาพน้ำมันพืชใช้แล้ว (Pre-Treatment) ของบริษัท Desmet ประเทศมาเลเซีย
โดยรวบรวมน้ำมันพืชใช้แล้วจากครัวเรือน และภาคธุรกิจ จากโครงการ "ทอดไม่ทิ้ง" และช่องทางอื่น ๆ ผ่านเทคโนโลยีกระบวนการกำจัดออกซิเจน ปรับเปลี่ยนโครงสร้าง และแตกโมเลกุลด้วยไฮโดรเจนด้วย UOP Ecofining Technology
ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เป็นโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพสำหรับการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนของบริษัท Honeywell UOP ประเทศสหรัฐอเมริกา มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1,000,000 ลิตรต่อวัน
โดยจะใช้เงินลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนได้ภายใน 18 เดือนนับจากนี้
ด้านนายธรรมรัตน์ ประยูรสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและค้าน้ำมัน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานกรรมการบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด ระบุว่า ราคารับซื้อน้ำมันใช้แล้วจะอยู่ที่ราคา 20-23 บาทต่อลิตร และจะรับซื้อจำนวน 1 ล้านลิตรต่อวัน
ทั้งนี้ในปัจจุบันน้ำมันพืชที่ใช้แล้วมีอยู่ในระบบประมาณ 7 แสนลิตรต่อวัน ทำให้เพียงพอต่อการรับมาผลิตน้ำมันอย่างแน่นอน โดยหลักการสำคัญของโครงการนี้ตั้งเป้าการลดการปล่อยคาร์บอนได้ 80% และยังจะช่วยเรื่องสุขภาพของประชาชน เพราะทางบางจากจะรวบรวมน้ำมันเก่าที่ใช้แล้วออกจากระบบลดการนำมาทอดซ้ำ เพื่อนำมาผลิตน้ำมันเชื้อเพลิง
สำหรับพิธีลงนามดังกล่าว มีนายธรรมรัตน์ ประยูรสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและค้าน้ำมัน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานกรรมการบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด และ นายวันชัย รตินธร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ร่วมลงนาม
และมี นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นางเกว็นโดลิน คาร์ดโน อัครราชทูตที่ปรึกษาสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย
พร้อมด้วย นายแบร์รี่ กลิคแมน ผู้จัดการทั่วไป Sustainable Technology Solutions บริษัท Honeywell UOP สหรัฐอเมริกา นาย คู เกี๊ยก เกิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท Desmet (ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจีน) ร่วมเป็นสักขีพยาน และผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้เกียรติร่วมงาน