"BPP" ฮุบโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple II ในสหรัฐ 755 เมกะวัตต์

12 ก.ค. 2566 | 01:12 น.

"BPP" ฮุบโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple II ในสหรัฐ 755 เมกะวัตต์ สอดรับกลยุทธ์ Greener & Smarter และเป็นการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในประเทศยุทธศาสตร์ พร้อมมุ่งเดินหน้าสร้างสมดุลของพอร์ตธุรกิจพลังงานสะอาด

นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP เปิดเผยว่า BPP ได้ดำเนินการเข้าซื้อบริษัท CXA Temple 2, Holdco, LLC ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple II ขนาด 755 เมกะวัตต์ ที่ตั้งอยู่ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา 

ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าวดำเนินการผ่านบริษัท Temple Generation Intermediate Holdings II, LLC1 ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BPP ส่งผลให้ BPP สามารถเพิ่มกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนได้ราว 378 เมกะวัตต์ 

อย่างไรก็ดี การลงทุนครั้งดังกล่าวนี้ยังสอดคล้องกับกลยุทธ์ Greener & Smarter ของ BPP และถือเป็นการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในประเทศยุทธศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นการต่อยอดระบบนิเวศทางธุรกิจของ BPP ซึ่งปัจจุบันกำลังขยายไปยังหน่วยธุรกิจอื่น ตลอดห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดในตลาดสหรัฐฯ 

รวมถึงโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ตลาดซื้อขายไฟฟ้าเสรี ERCOT (Electric Reliability Council of Texas) ซึ่งเป็น 1 ใน 7 ผู้นำของตลาดซื้อขายไฟฟ้าที่มีอัตราการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในสหรัฐฯ และยังรวมไปถึงการขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าครัวเรือน (Power Retail) อีกด้วย

นายกิรณ กล่าวอีกว่า บริษัท Temple Generation Intermediate Holdings II, LLC ถือหุ้น 100% โดยบริษัท BKV-BPP Power, LLC (“BKV-BPP”) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งโดย Banpu Power US Corporation (“BPPUS”) ซึ่ง BPP ถือหุ้นในสัดส่วน 100% และ BKV Corporation (“BKV”) ซึ่งบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นในสัดส่วน 96.1%

BPP ฮุบโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple II ในสหรัฐ 755 เมกะวัตต์ โดยถือหุ้นในสัดส่วนที่เท่ากันคือ 50% ซึ่งสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้น BKV-BPP มีการกำหนดโครงสร้างการบริหารจัดการ โดยให้กลุ่มบริษัทฯ มีอำนาจในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ทางการเงินและการดำเนินงานในกิจกรรมเชิงเศรษฐกิจต่าง ๆ ส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ มีอำนาจในการควบคุม จึงจัดประเภทเป็นบริษัทย่อย 

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ที่มีอยู่เดิม รวมถึงทำเลที่ตั้งที่ใกล้เคียงกันของโรงไฟฟ้า Temple I และ Temple II ทำให้สามารถผสานพลังและสร้างคุณค่าร่วมกัน ช่วยให้การดำเนินการและบริหารจัดการโรงไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น 

ส่งผลให้การผลิตไฟฟ้ามีความยืดหยุ่นและมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น สามารถคว้าโอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้นในตลาดไฟฟ้าเสรี รวมไปถึงการบริหารจัดการทรัพยากรร่วมกันเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด นำไปสู่การดำเนินธุรกิจที่สามารถบริหารต้นทุนต่อหน่วยได้ต่ำลงและสร้างผลตอบแทนได้สูงขึ้นในที่สุด (Economies of Scale)
 

สำหรับจุดเด่นของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple II แบ่งได้เป็น 4 ข้อหลัก ได้แก่ 

  • เป็นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ใช้เทคโนโลยี Combined Cycle Gas Turbines (CCGT) ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง มีความยืดหยุ่นสูง และอยู่ในลำดับการเรียกจ่ายไฟฟ้า (merit order) ที่ดี ซึ่งสอดรับกับสภาพตลาดและการแข่งขันในตลาดซื้อขายไฟฟ้าเสรีของ ERCOT อีกทั้งมีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการควบคุมการปล่อยมลสาร ด้วยเหตุนี้ Temple II จึงถือเป็นหนึ่งในผู้นำโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในสหรัฐอเมริกา    
  • มีกำลังผลิตไฟฟ้าที่สามารถรองรับการใช้ไฟฟ้าได้ประมาณ 750,000 ครัวเรือนทั่วรัฐเท็กซัสตอนกลาง จึงมีบทบาทสำคัญในการจ่ายไฟฟ้าเพื่อตอบสนองความต้องการของภูมิภาคดังกล่าว 
  • ตั้งอยู่ในตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่เอื้อให้สามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยตอบสนองความต้องการของตลาดซื้อขายไฟฟ้าเสรีที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบเรียลไทม์ และยังอยู่ในทำเลเดียวกันกับโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I จึงส่งเสริมประสิทธิภาพในการผลิต การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ตลอดจนทำให้ BPP มีโอกาสสร้างกำไรในตลาดซื้อขายไฟฟ้าเสรีได้ 
  • การมีกำลังผลิตเพิ่มขึ้นนี้ช่วยเสริมข้อได้เปรียบของ BPP ในการบริหารจุดคุ้มทุนและการกระจายความเสี่ยงที่ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่คุณค่าธุรกิจไฟฟ้าของบริษัทฯ

“BPP ยังคงมุ่งหาโอกาสการลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยี HELE ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศยุทธศาสตร์ทั้ง 8 แห่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตอย่างสมดุลของพอร์ตธุรกิจทั้งจากพลังงานความร้อน (Thermal Power Business) และจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Power Business) และเดินหน้าขยายกำลังผลิตสู่เป้าหมาย 5,300 เมกะวัตต์ภายในปี 2568”