นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) เปิดเผยว่า บีโอไอได้ดำเนินการร่วมกับบริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) และบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จัดกิจกรรม “BYD Sourcing Day”
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความร่วมมือในการพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ระหว่าง BYD ซึ่งเป็นผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) กับผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศไทยที่มีศักยภาพ
สำหรับกิจกรรมดังกล่าวได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการชิ้นส่วนอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่มีศักยภาพกว่า 160 บริษัท เข้าร่วมการเจรจาธุรกิจกับบริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด โดยเน้นไปที่ชิ้นส่วนสำคัญและบริการใน 7 กลุ่มตามความต้องการของ BYD ได้แก่
“ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม EV อย่างครบวงจร บีโอไอยังให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างบริษัทผลิตรถยนต์ EV กับผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ เพื่อทำให้เกิดการพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน และเป็นการสร้างโอกาสให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนในไทย ได้เข้าไปอยู่ในซัพพลายเชนระดับโลก โดยเฉพาะในห้วงเวลาสำคัญที่ประเทศไทยสามารถดึงดูดผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของโลก ให้ตัดสินใจเข้ามาสร้างฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยได้เป็นจำนวนมากในระยะเวลาที่ผ่านมา”
นายนฤตม์ กล่าวอีกว่า กลุ่มบริษัท บีวายดี ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในกิจการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งแบตเตอรี่และชิ้นส่วนรถยนต์ EV รวม 6 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมประมาณ 30,000 ล้านบาท ถือเป็นการลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ของ BYD แห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน จากความเชื่อมั่นในนโยบายและมาตรการสนับสนุนของหน่วยงานภาครัฐ
รวมถึงกระแสการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน BYD ถือเป็นค่ายรถยนต์อันดับ 1 ในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าไทย โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 35% (ประมาณ 1.5 หมื่นคัน) และมียอดจองรวมทุกรุ่นประมาณ 200 คันต่อวัน
“บีโอไอมองเห็นศักยภาพของผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศ ตลอดเวลาหลายสิบปีที่ประเทศไทยพัฒนาฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ ผู้ผลิตชิ้นส่วนเหล่านี้ได้สั่งสมประสบการณ์และทักษะ จนสามารถผลิตชิ้นงานที่มีคุณภาพสูงและได้มาตรฐานสากล เพื่อป้อนให้กับบริษัทรถยนต์ชั้นนำของโลกมาอย่างยาวนานไม่ว่าจะเป็นค่ายรถญี่ปุ่น เยอรมัน หรืออเมริกา"
อย่างไรก็ตาม จากกิจกรรมดังกล่าวจะเป็นโอกาสสำคัญที่ผู้ผลิตกลุ่มนี้จะเข้าไปมีบทบาทในซัพพลายเชนของอุตสาหกรรม EV โดยเฉพาะบริษัทชั้นนำของจีนอย่าง BYD และยังเป็นการแสดงศักยภาพให้เห็นว่า ประเทศไทยมีซัพพลายเชนที่เข้มแข็ง เหมาะสมที่จะเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการลงทุน และสามารถก้าวไปสู่การเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคต่อไป