แอนเจลา ลู ประธานและผู้จัดการทั่วไปของเอส ไอ จี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกใต้ เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก(GHG) สุทธิเป็นศูนย์ ตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าของบริษัทภายในปี 2593 ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นที่ท้าทายที่สุดที่มีให้ผ่านแนวทางมาตรฐานการส่งเสริมให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยอิงกับเป้าหมายบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ (Science Based Targets Initiative: SBTi) จากบริษัทกว่า 2,000 แห่งทั่วโลก
ทั้งนี้ เป้าหมายระยะสั้นใหม่ของเอส ไอ จี ภายในปี 2573 (คิดจากปีฐานในปี 2563) ได้แก่
ส่วนเป้าหมายระยะยาวใหม่ของเอส ไอ จี ในปี 2593 ประกอบด้วย
สำหรับทิศทางใหม่ในการดำเนินธุรกิจของเอส ไอ จี มีจุดมุ่งหมายเพื่อแก้ไขปัญหาและสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลก (net-positive) รวมถึงการผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งที่ดีกว่า โดยมุ่งที่จะลดการปล่อยคาร์บอนจากผลิตภัณฑ์ต่อไปจนกว่าจะสามารถดูดซับกลับคืนมาจากชั้นบรรยากาศ มากกว่าที่ปล่อยออกไป
"เอส ไอ จี จะพัฒนานวัตกรรมด้านความยั่งยืนเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มไปยังผู้บริโภคทั่วโลก ด้วยวิธีการที่มีความปลอดภัย ภายใต้กรอบความยั่งยืน และราคาที่สมเหตุสมผล”
แอนเจลา ลู กล่าวอีกว่า การบรรลุเป้าหมายสูงสุดตามข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) เพื่อจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ทำให้ทั่วโลกต้องเร่งลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์หรือ Net Zero ให้เกิดขึ้นภายในปี 2593
อย่างไรก็ดี แนวทางหลักที่เอส ไอ จี ดำเนินการเพื่อลดการปล่อยมลพิษจากการดำเนินงานภายใต้ขอบเขตที่ 1 และ 2 คือความมุ่งมั่นในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้ได้ 100% และโครงการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ ตลอดจนการสำรวจแหล่งพลังงานทางเลือกอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดมลพิษต่ำ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้โดยตรง
โรงงานเอส ไอ จี ที่จ.ระยองถือเป็นโรงงานแห่งแรกในภูมิภาคนี้ ที่ติดตั้งหลังคาที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์แล้วเสร็จในปี 2561 ครอบคลุมพื้นที่ 17,664 ตารางเมตร เป็นโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ทั้งสิ้น 12,350 แผง สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากถึง 5,675 เมกะวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ 12,871 ตัน นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 เทียบเท่ากับการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการปลูกต้นไม้ 280–415 ต้น หรือคิดเป็นพื้นที่ป่ากว่า 10,000 ตารางเมตร
ผลิตภัณฑ์ของเอส ไอ จี มีส่วนสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่คุณค่า(ขอบเขตที่ 3) ซึ่งครอบคลุมถึงจำนวนและประเภทของวัตถุดิบที่ใช้ โดยจากนี้เป็นต้นไปบริษัทจะให้ความสำคัญกับการลดการใช้อลูมิเนียมฟอยล์ในบรรจุภัณฑ์ปลอดเชื้อ ในทำงานร่วมกับบริษัทคู่ค้า เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่อุปทาน และพัฒนาการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในเครื่องบรรจุภัณฑ์รุ่นใหม่ รวมถึงการเก็บกลับบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วสู่กระบวนการรีไซเคิลให้มากยิ่งขึ้น