ทุกๆ ปี "วาฬสีน้ำเงินเล็ก" สายพันธุ์ย่อยของวาฬสีน้ำเงิน มักอพยพไปทางใต้เป็นระยะทางหลายพันกิโลเมตร จากแหล่งเพาะพันธุ์นอกชายฝั่งอินโดนีเซีย ผ่านติมอร์เลสเต ไปจนถึงน่านน้ำของออสเตรเลียในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน แต่วันนี้ไม่พบวาฬสักตัวในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมาในติมอร์เลสเตเลย
"คาเรน เอดีเวน" นักชีววิทยาทางทะเลจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย อดีตนักวิทยาศาสตร์อาวุโสของรัฐบาล และสมาชิกคณะกรรมการพื้นที่อนุรักษ์ในระดับโลกขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) รู้สึกตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้น เเละชี้ว่าการอพยพที่ล่าช้าเป็นผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ สิ่งนี้คือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญต่อสมุทรศาสตร์ของภูมิภาคดังกล่าว
รายงานจาก สำนักข่าวซินหัว ระบุว่า กลุ่มผู้เชี่ยวชาญของออสเตรเลียได้เตือนว่าอุณหภูมิของน้ำในมหาสมุทรที่อุ่นขึ้นส่งผลให้การอพยพของวาฬสีน้ำเงินล่าช้าลง สร้างความกังวลอย่างยิ่ง โดยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศกำลังส่งผลกระทบต่อการอพยพของวาฬสีน้ำเงิน เลื่อนฤดูกาลอพยพออกไป 4-6 สัปดาห์ อีกทั้งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพวกมัน โดยสังเกตพบวาฬตัวที่ขาดสารอาหารขณะอพยพสู่ทางใต้ในปี 2022 ซึ่งเอดีเวนมองว่าอาจเป็นผลมาจากอุณหภูมิน้ำอุ่นในมหาสมุทร
วาฬสีน้ำเงินเล็ก สายพันธุ์ย่อยของวาฬสีน้ำเงินที่สามารถเติบโตจนยาวถึง 24 เมตร ซึ่งอพยพผ่านชายฝั่งติมอร์เลสเตช้าลงจากเดิมอย่างมีนัยสำคัญ
สำนักอุตุนิยมวิทยาของออสเตรเลีย ประกาศเฝ้าระวังปรากฏการณ์เอลนีโญในภูมิภาคแปซิฟิกเมื่อเดือนกันยายน ซึ่งภัยพิบัติดังกล่าวเชื่อมโยงกับสภาพภูมิอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งขึ้นในออสเตรเลีย แต่ในภาพรวมจะทำให้อุณหภูมิในมหาสมุทรทางตอนเหนือเย็นลง ซึ่งเอดีเวนกล่าวว่าน่าจะช่วยเพิ่มแหล่งอาหารให้แก่วาฬเหล่านี้