"อมตะ"คว้ารางวัลสูงสุดด้านความยั่งยืนเวที"SET Awards 2023"

23 พ.ย. 2566 | 02:33 น.
อัปเดตล่าสุด :23 พ.ย. 2566 | 02:33 น.

"อมตะ"คว้ารางวัลสูงสุดด้านความยั่งยืนเวที"SET Awards 2023" หลังมีการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่โดดเด่น มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้าน

นางสาวเด่นดาว โกมลเมศ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยว่า อมตะ ได้รับรางวัลเกียรติยศแห่งความสำเร็จด้านความยั่งยืน (Sustainability Awards of Honor) จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในเวที SET Awards 2023  

ทั้งนี้ รางวัลดังกล่าวจัดโดย ตลท. ร่วมกับวารสารการเงินธนาคาร ซึ่งมอบให้กับบริษัทจดทะเบียนที่ได้รับรางวัล Best Sustainability Awards ติดต่อกันตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป 

โดยให้กับบริษัทจดทะเบียนที่มีการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่โดดเด่น มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้าน เพื่อให้ธุรกิจ  มีการเติบโตด้านเศรษฐกิจ 

"อมตะ"คว้ารางวัลสูงสุดด้านความยั่งยืนเวที"SET Awards 2023"

ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล สามารถเป็นแบบอย่างที่ดี สำหรับบริษัทจดทะเบียนรายอื่น ให้ดำเนินธุรกิจตามแนวทางความยั่งยืนต่อไป
  
รางวัลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของอมตะในการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการพัฒนา สังคม สิ่งแวดล้อม ทั้งทางตรงและทางอ้อม จึงทำให้บริษัทพัฒนาธุรกิจให้เติบโตไปพร้อมกับการรักษาสมดุลระหว่างอุตสาหกรรมและชุมชนโดยรอบให้อยู่ร่วมกันอย่างมีคุณภาพ บนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และสร้างคุณค่าที่สมดุลและยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย

บริษัทฯ มุ่งที่จะพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่สมบูรณ์แบบ (Perfect City, Smart City) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจในระดับชุมชนและระดับประเทศอย่างยั่งยืน รวมถึงช่วยสนับสนุนความสำเร็จของเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN SDGs) อีกทางหนึ่ง

จึงได้บูรณาการแนวคิดด้านความยั่งยืนเข้ากับกลยุทธ์และแผนธุรกิจของบริษัทฯ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี มุ่งเน้นการลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบ พร้อมส่งเสริมกระบวนการเพื่อดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและพัฒนาสังคม และตั้งเป้าหมายสู่การเป็นเมืองที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2583