นางสมหะทัย พานิชชีวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมตะ วีเอ็น จำกัด (มหาชน) หรือ AMATAV ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม เปิดเผยว่า พื้นที่รองรับการลงทุนของนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ลอง ถั่น จ.ดองไน พื้นที่ 410 เฮกตาร์ และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ฮาลอง จังหวัดกว่างนิ๋ง ซึ่งมีพื้นที่ได้รับใบอนุญาตในการพัฒนาที่ดินไปแล้ว 714 เฮกตาร์
ทั้งนี้ นิคมฯทั้งสองแห่ง มีเป้าหมายในการพัฒนาอุตสาหกรรมไฮเทคที่เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม ไม่ก่อมลพิษ และนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการยกระดับภาคอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของผลิตภัณฑ์
ด้านแนวโน้มการลงทุนเวียดนามทั้งการลงทุนจากภายในและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(FDI)ยังคงมีอัตราการเติบโตสูงต่อเนื่องจึงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ยอดการเช่าพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของอมตะ วีเอ็น ได้แก่
นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ฮาลอง จังหวัดกว่างนิ๋ง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ และนิคมอมตะ ซิตี้ ลองถั่น จ.ดองไน พื้นที่ภาคใต้โดยยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงคาดว่ายอดการเช่าที่ดินของพื้นที่นิคมฯ อมตะ วีเอ็น ปี 2566 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 120 เฮกตาร์ ( 750 ไร่)
อย่างไรก็ดี ล่าสุดอมตะ วีเอ็นได้ทำสัญญาเช่าที่ดินระหว่างนิคมฯอมตะซิตี้ ฮาลอง กับ บริษัท Renli Vietnam Industry Co., Ltd. ซึ่งเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกและมีความเชี่ยวชาญในการตีโลหะขึ้นรูปจำนวน 2.9 เฮกตาร์( 18.125 ไร่) โดยบริษัท Renli มีแผนในการก่อสร้างโรงงานด้วย มูลค่าการลงทุนกว่า 15 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดจะเริ่มการก่อสร้างได้ในช่วงปลายปี 2566 สามารถจ้างงานในพื้นที่ได้กว่า 600 ตำแหน่ง
“นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ฮาลองเป็นพื้นที่ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก โดยคาดว่าจะบรรลุข้อตกลงในการลงทุนใหม่ๆเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีเม็ดเงินการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ กว่า 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อลงทุนบนพื้นที่นิคมฯ ที่มีการพัฒนาแล้ว กว่า 80 เฮกตาร์ ( 500 ไร่) เนื่องจากเป็นพื้นที่เป้าหมายของนักลงทุนที่ต้องการเข้ามาประกอบการในจังหวัดกว่างนิ๋ง”
สำหรับนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ลองถั่น จ.ดองไน ขณะนี้นักลงทุนต่างประเทศ 2 ราย ประกอบด้วย Kingfa Science and Technology (Vietnam) หรือ Kingfa ผู้ผลิตพลาสติกคอมปาวด์ (compounds) ในประเทศจีนที่ใหญ่เป็นอันดับต้นของโลก และ บริษัท Wave Crest ผู้ผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์และสายไฟฟ้าสำหรับผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์จากประเทศญี่ปุ่น ได้ให้ความสนใจเข้ามาขอเช่าพื้นที่เพื่อพัฒนาโรงงานในนิคมฯ
โดยได้รับใบรับรองการลงทะเบียนการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการบริหารสวนอุตสาหกรรมจังหวัดดองไน (DIZA) เป็นที่เรียบร้อย โดยคาดว่าจะมีการลงนามในข้อตกลง เพื่อขอการเช่าพื้นที่ เพื่อพัฒนาโครงการต่อไป
นางสมหะทัย กล่าวอีกว่า บริษัท Kingfa มีแผนลงทุนกว่า 80 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อพัฒนาศูนย์งานวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูงและผลิตวัสดุให้กับกลุ่มบริษัทชั้นนำในประเทศจีน ส่วนบริษัท Wave Crest Vietnam Co., Ltd. มีแผนตั้งโรงงานผลิตแวงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยมูลค่าลงทุนกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ
ซึ่งการลงทุนของทั้ง 2 บริษัทจะมีส่วนช่วยในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการมีส่วนร่วมในการยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานในท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี โดยคาดว่าจะมีอัตราการจ้างงานกว่า 1,000 ตำแหน่ง ในอนาคต
การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของกลุ่มอมตะทั้งสองแห่ง ในจังหวัดดองไนและกว่างนิ๋ง กำลังเป็นพื้นที่ลงทุนที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าจะมีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ของชุมชนในท้องถิ่นประเทศเวียดนามได้เป็นอย่างดี ด้วยข้อได้เปรียบในหลายด้าน ทั้งในทำเลที่ตั้ง แรงจูงใจสิทธิประโยชน์ในการลงทุน โครงสร้างพื้นฐานที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล และบริการด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง