เครือข่ายบริการ IoT ระดับโลก “Sigfox” บุกไทย ตั้ง “ติงส์ ออน เน็ต” ให้บริการแต่เพียงผู้เดียว ล่าสุดทุ่ม 600-800 ล้านวางสถานี 1400 จุดทั่วประเทศ คาดปีหน้าครอบคลุม 85% จำนวนประชากร พร้อมวางแผนร่วมพาร์ตเนอร์สร้างโซลูชัน หนุนสตาร์ตอัพ พัฒนาอุปกรณ์ สร้างอีโคซิสเต็มส์ IoT ในไทย
นายประพันธ์ อัศวพลังพรหม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ติงส์ ออน เน็ต จำกัด เปิดเผยว่าบริษัทได้รับการแต่งตั้งจาก Sigfox ผู้ให้บริการเครือข่าย อินเตอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่ง หรือ IoT จากประเทศฝรั่งเศส ให้เป็นผู้ให้บริการเครือข่าย Sigfox แต่เพียงผู้เดียวในไทย โดยถือเป็นประเทศที่ 40 ของโลก และเป็นประเทศที่ 3 ในภูมิภาคอาเซียน ต่อจากสิงคโปร์ และมาเลเซีย จุดเด่นของเครือข่าย Sigfox คือ เป็นเครือข่ายเดียวที่ครอบคลุมการให้บริการ 70 ประเทศทั่วโลก ซึ่งผู้ใช้บริการไม่ต้องเสียค่าบริการโรมมิ่งสัญญาณเพิ่ม หากมีการนำอุปกรณ์ไปใช้งานต่างประเทศ ที่มีเครือข่าย Sigfox
นอกจากนี้ระบบโครงข่ายดังกล่าวทำให้อุปกรณ์ IoT สามารถเชื่อมต่อได้จากระยะไกล สูงสุด 30 กิโลเมตร และประหยัดพลังงาน เหมาะสำหรับอุปกรณ์ที่ไม่ใช้พลังงาน อาทิ ตู้คอนเทนเนอร์ ทรัพย์สินในองค์กร อายุการใช้งานแบตเตอรี่สามารถอยู่ได้ 10 ปี โดยไม่ต้องชาร์จพลังงาน ขณะเดียวยังใช้แบนด์วิดธ์ตํ่า ในส่งข้อความขนาดสั้นได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับการดำเนินการให้บริการในไทยนั้นบริษัทได้ใช้งบ 600-800 ล้านบาท ใน 1-2 ปีแรก วางสถานีรับส่งสัญญาณ หรือ เบสสเตชั่น ให้ครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 1,400 จุด โดยขณะนี้วางเบสสเตชัน ครอบคลุมการใช้งานในกรุงเทพฯแล้ว สิ้นปีนี้จะครอบคลุมการให้บริการหัวเมืองใหญ่ และปีหน้าจะครอบคลุมการใช้งาน 85% ของจำนวนประชากร เบื้องต้นจะมุ่งให้บริการแบบบีทูบีไปยังกลุ่มลูกค้าองค์กรเป็นหลัก อาทิ องค์กรที่ต้องการนำ IoT ไปติดตั้งเพื่อใช้บริหารจัดการทรัพย์สิน หรือธุรกิจปิโตรเลียม ที่ต้องการนำ IoT ไปใช้ติดตั้งเพื่อติดตามถังก๊าซทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีภาคปศุสัตว์ ที่นำไปใช้ติดตั้งวัดอุณหภูมิในวัว เพื่อวางแผนผสมพันธุ์ หรือ ติดตามโรคในวัว หรือ สมาร์ทฟาร์มมิ่งที่วัดอุณหภูมิ ความชื้นดิน อากาศ เพื่อวางแผนการเพาะปลูก
ทั้งนี้การลงทุนในระยะถัดไป จะมุ่งการสร้างระบบนิเวศ หรือ อีโคซิสเต็มส์ โดยจะมีการร่วมมือกับพันธมิตรผู้วางระบบ หรือเอสไอ ในการพัฒนาโซลูชันที่เหมาะกับการให้บริการลูกค้าองค์กรในประเทศไทย ขณะเดียวกันยังวางแผนให้ทุนสนับสนุนเบื้องต้นกับนักวิจัย หรือ สตาร์ตอัพ ในการพัฒนาอุปกรณ์ IoT นอกจากนี้ยังมีแผนขยายการทำธุรกิจไปยัง บีทูซีใน 2 ปีข้างหน้า เพื่อผลักดันให้มีผู้เข้ามาใช้งานเครือข่ายมากขึ้น
“Sigfox ถือเป็น Massive ที่มีอุปกรณ์ที่ใช้งานเครือข่ายดังกล่าวเป็นจำนวนมาก เป็นเทคโนโลยีที่ถูกออกแบบมาให้มีราคาประหยัด ทั้งค่าบริการเครือข่าย อุปกรณ์รองรับการใช้งาน และหน่วยประมวลผล หรือ ชิป ซึ่งการนำ IoT มาประยุกต์ใช้ให้ประสบความสำเร็จและเกิดการใช้งานแพร่หลายนั้นต้องมีต้นทุนตํ่า และมีการคิดค่าบริการแอร์ไทม์เป็นรายปี ซึ่งเครือข่ายเซลลูล่าร์เดิมนั้นทำไม่ได้ เนื่องจากต้นทุนสูงกว่ามากกว่า 5 เท่า อย่างไรก็ตาม Sigfox ไม่ได้มาแข่งกับ 5G แต่จะสนับสนุนการทำงาน หรือการสื่อสารรับส่งข้อมูลของอุปกรณ์ระหว่างกันมากกว่า”
หน้า 11 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3513 ระหว่างวันที่ 13-16 ตุลาคม 2562