นายราจีฟ บาวา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจองค์กร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า ดีแทค ได้เปิดตัวโซลูชัน สมาร์ทคอนเน็ค โดยเน็ตฟาวเดอรี่ (SmartConnect powered by NetFoundry) ให้บริการเครือข่าย (Network as a Service) ทำให้ธุรกิจขององค์กรสามารถเชื่อมต่อและรับส่งข้อมูลระหว่างสำนักงานหรือสาขาต่างๆ ในที่ใดก็ได้ในโลกนี้ หรือเชื่อมต่อกับคลาวด์สาธารณะหรือ ไฮบริดคลาวด์ ที่ผสมผสานการทำงานระหว่างคลาวด์ส่วนตัวและคลาวด์สาธารณะ ตอบโจทย์ต่อเทรนด์การทำงานของธุรกิจที่มีการใช้ระบบคลาวน์ในการจัดการข้อมูลและดำเนินงานมากยิ่งขึ้น โดยการเชื่อมต่อและรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายของสมาร์ทคอนเน็คมีความปลอดภัยสูง มีประสิทธิภาพ และช่วยลูกค้าองค์กรลดค่าใช้จ่าย โดยไม่ต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์และระบบเครือข่าย ช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานธุรกิจองค์กร ที่กลับมาทำงานอย่างเต็มกำลัง หลังวิกฤตโควิด-19 คลี่คลายลงจากการปลดล็อคที่ให้กลับมาเปิดธุรกิจได้ตามปกติ
เป้าหมายของดีแทค คือ การพยายามหาโซลูชันที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ เติบโตในการเปลี่ยนวิธีทำงานไปสู่ New normal และสำหรับสมาร์ทคอนเน็ค โดยเน็ตฟาวเดอรี่ สามารถใช้แทนระบบ VPN ได้ อีกทั้งยังเข้าถึงข้อมูลบนระบบคลาวด์ได้รวดเร็วกว่าเครือข่ายปกติถึง 8-10 เท่า มั่นใจได้ว่าข้อมูลไม่รั่วไหลด้วยระบบรักษาความปลอดภัยถึง 5 ชั้น เทียบเท่ากับมาตรฐานที่ใช้ในกองทัพสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังลดต้นทุนลงกว่า 40-80%
ดีแทคพบว่า สิ่งที่ผู้ประกอบการกำลังมองหาเพื่อตอบโจทย์เทรนด์การทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว พร้อมความมั่นใจไร้กังวลในการจัดการและจัดเก็บข้อมูล คือ 1.แพลตฟอร์มของเครือข่าย หรือการบริการเครือข่าย ซึ่งจะช่วยให้การสร้างเครือข่ายและ การจัดการข้อมูลง่ายดายมากขึ้น 2.ความเฉพาะของแอปพลิเคชัน (application specific) หรือ โซลูชันทางเครือข่ายที่ลูกค้าสามารถระบุได้ว่า ควรใช้แอปพลิเคชันใดก่อนเป็นลำดับแรก และ 3. เทคโนโลยีเครือข่ายแบบใหม่ ที่ถูกออกแบบให้มีความรวดเร็วมากขึ้น
ดังนั้น สมาร์ทคอนเน็ค โดยเน็ตฟาวดรี่ จึงสนองตอบความต้องการใช้งานขององค์กรที่กำลังมองหาคลาวด์โซลูชัน เพื่อตอบโจทย์เทรนด์การทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว พร้อมความมั่นใจไร้กังวลในการจัดการและจัดเก็บข้อมูล โดยมีข้อดีคือ 1. ไม่ต้องกลัวข้อมูลรั่วไหล ด้วยระบบรักษา ความปลอดภัยข้อมูลถึง 5 ชั้น ซึ่งถูกใช้ในกองทัพของ สหรัฐอเมริกา คลายความกังวลใจไปได้เลย 2.ผู้ใช้บริการยังสามารถลดค่าใช้จ่ายได้สูงถึง 40 -80% เมื่อเทียบกับบริการเครือข่าย แบบดั้งเดิม
3. เชื่อมต่อเข้าถึงผู้ให้บริการคลาวด์ทุกรายในระดับโลกได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็น AWS, Azure, Google Cloud, Ali Cloud หรืออื่น ๆ อีกมากมาย ช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์การใช้งานที่สะดวกสบาย สามารถเข้าถึง ระบบคลาวด์ได้รวดเร็วกว่าเครือข่ายปกติ 8-10 เท่า 4. คุณสมบัติของ AppWANs คือ การเชื่อมต่อแบบ Multipoint to multipoint หรือที่เรียกกันว่าการ เชื่อมต่อแบบหลายจุดไปสู่หลายจุด ทำให้การจัดการสะดวกและง่ายกว่า VPN ที่มีการเชื่อมต่อแบบ point to point หรือการเชื่อมต่อแบบทีละจุด ทั้งนี้การกำหนดเส้นทางของระบบโดเมนเนม (DNS routing ได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งจะไม่สามารถทำได้ผ่านการเชื่อมต่อโดยตรงหรือการเชื่อมต่อจาก VPN แบบเก่า ทำให้สามารถใช้งานแทน VPN หรือ ใช้งานกับ VPN ที่มีอยู่ได้อย่างมีเสถียรภาพมากกว่าเดิม
5.ช่วยเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการคลาวด์ได้ไม่สะดุด สามารถสับเปลี่ยนการเชื่อมต่อคลาวด์หรือแอปพลิเคชันได้อย่างลื่นไหล จัดการข้อมูลได้ด้วยตัวเอง สามารถสร้างกลุ่มเฉพาะเพื่อเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันที่ต้องการได้ และ 6. ช่วยลดเวลาในการโยกย้ายข้อมูลจากพื้นที่จัดเก็บเดิมไปสู่คลาวด์