ไอดีซี ได้เปิดเผยถึงบทบาททางเศรษฐกิจของ Salesforce จากรายงาน The Salesforce Economic Impact ซึ่งพบว่า ระบบคลาวด์คอมพิวติ้งในประเทศไทยจะเติบโตขึ้น 19% จากมูลค่า 6.3 พันล้านบาท (202 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในปี 2561 สู่ 1.81 ล้านบาท(579 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในปี 2567 ซึ่งจะสร้างประโยชน์อย่างมหาศาลให้กับประเทศไทย ทั้งนี้การคาดการณ์ดังกล่าวนี้ได้พิจารณาถึงผล กระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้วด้วย
โดยในรายงานของ ไอดีซี ยังคาดการณ์ว่าตลอดระยะเวลา 6 ปีนี้ Salesforce และระบบนิเวศทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง จะสร้างงานให้กับบริษัทที่เป็นลูกค้า Salesforce ในประเทศได้โดยตรงได้ถึง 24,260 ตำแหน่ง รวมไปถึงการใช้งานระบบคลาวด์คอมพิวติ้งของลูกค้าSalesforce จะเพิ่มรายได้สุทธิราว 5 หมื่นล้านบาท (1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) จากธุรกิจใหม่ให้กับเศรษฐกิจในประเทศอีกด้วย นอกเหนือจากการใช้งบประมาณเพื่อการสมัครบริการคลาวด์คอมพิวติ้งแล้ว ธุรกิจและองค์กรจะใช้งบประมาณเพิ่ม เพื่อซื้อสินค้าและบริการเสริมที่พ่วงมาด้วย ซึ่งทำให้ระบบนิเวศของ Salesforce ในประเทศไทยเมื่อปี 2562 เติบโตมากกว่าธุรกิจของ Salesforce เองถึง 4.7 เท่า และภายในปี 2567 คาดว่ามูลค่านี้จะเพิ่มเป็น 7.1 เท่า
ทั้งนี้การจ้างงาน และตำแหน่งงานทางอ้อม (Indirect Job) ซึ่งเกิดขึ้นในห่วงโซ่อุปทานและบริการเพื่อรองรับลูกค้า Salesforce และการที่พนักงานใหม่ในองค์กรใช้จ่ายเงินในระบบเศรษฐกิจทั่วไป จะก่อให้เกิดตำแหน่งงานทางอ้อมอีกกว่า 33,570 ตำแหน่ง นอกเหนือจากการจ้างงานโดยตรงจำนวน 24,260 ตำแหน่งที่กล่าวไป ข้างต้น และในส่วนของผลิตภัณฑ์และบริการที่นำเสนอภายใต้ระบบนิเวศธุรกิจของ Salesforce ในประเทศไทย ได้แบ่งออกเป็นบริการในหมวดธุรกิจเฉพาะ (57%) เป็นหลัก และยังรวมไปถึงการสมัครสมาชิกเพื่อเช่าใช้งานคลาวด์เพิ่มเติม (18%) รวมทั้งบริการซอฟต์แวร์ฮาร์ดแวร์ และเครือข่ายแบบในองค์กร (25%) ด้วย
ไอดีซีคาดการณ์ว่าการลงทุนในระบบคลาวด์คอมพิวติ้งจะให้ผลตอบแทนอย่างมีนัยสำคัญสืบเนื่องไปจนถึงปี 2567 แต่อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลานั้น มูลค่าการใช้จ่ายในระบบคลาวด์คอมพิวติ้งสาธารณะในประเทศไทยจะคิดเป็นสัดส่วนเพียงแค่ 5% ของการใช้จ่ายด้านไอทีทั้งหมดของประเทศ ซึ่งหมายความว่า คลาวด์คอมพิวติ้งยังมีโอกาสอีกมากในการเติบโต โดยมี Salesforce และระบบนิเวศที่เกี่ยวข้องเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยผลักดันการเติบโตอีกด้วย
ระบบนิเวศที่หลากหลายของ Salesforce คือตัวผลักดันที่ ทำให้ Salesforce สามารถสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยระบบนิเวศของ Salesforce ประกอบด้วยผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ที่หลากหลายซึ่งเป็นส่วนสำคัญในระบบเศรษฐกิจของSalesforce อันได้แก่ บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำของโลกหลายแห่งซึ่งใช้ระบบของSalesforce เป็นตัวช่วยในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นดิจิทัล, ผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์อิสระ (ISVs) ซึ่งใช้แพลตฟอร์ม Customer 360 ของ Salesforce เป็นรากฐานในการสร้างหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ อีกทั้งยังปูทางให้ Salesforce เข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่ๆ, กลุ่มคอมมิวนิตี้กว่า 1,200 กลุ่มซึ่งมีเป้าประสงค์และความชำนาญที่แตกต่างกัน, เหล่าตัวแทน Salesforce MVPs กว่า 200 ชีวิต, ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ และผู้สนับสนุนแบรนด์อีกมากมายอีกด้วย
นายสุจิธ อับบลาฮัม รองประธานอาวุโส ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคอาเซียน, เซลส์ฟอร์ซ กล่าวว่า “ธุรกิจในประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงดิจิทัลอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับธุรกิจจากนานาประเทศ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีคลาวด์คอมพิวติ้งเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ ซึ่ง Salesforce เองเห็นถึงการเติบโตอย่างมหาศาลของธุรกิจ Salesforce ในประเทศอันเนื่องมาจากระบบนิเวศที่แข็งแกร่งของเรา อันได้แก่พาร์ทเนอร์ ลูกค้า และ Trailblazers ซึ่งจากรายงานฉบับนี้ เราได้เห็นอย่างชัดเจนว่านอกเหนือจาก Salesforce จะเป็นตัวช่วยสำคัญเพื่อสนับสนุนธุรกิจให้เปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัลและเข้าถึงลูกค้าได้แล้ว Salesforce ยังมีส่วนในการสร้างงาน ทักษะ และโอกาสเพื่อการเติบโตของประเทศ”