นายธนา โพธิกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีคนเข้าถึงการใช้งานโทรศัพท์มือถือกว่า 50 ล้านคนและมีผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียแอคทีฟราว 52 ล้านคน เช่นเดียวกับการใช้งานธนาคารบนมือถือในไทยที่มีผู้ใช้กว่า 93 ล้านบัญชี โดยพบว่าคนไทยมากกว่า 60% ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงินรวมถึงกลุ่มที่ไม่มีประวัติทางการเงินจึงไม่สามารถขอสินเชื่อผ่านธนาคารได้ เมื่อเปรียบเทียบกับประชากรในประเทศอื่นของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่มีการเข้าถึงบริการทางการเงินเกือบทุกประเทศ จึงเกิดเป็นความร่วมมือระหว่างไลน์และธนาคารกสิกรไทยที่ได้นำเสนอไลฟ์สไตล์การเงินออนไลน์รูปแบบใหม่ สามารถแชท-โอน-ยืม-จ่าย ได้ ผ่าน LINE BK รวมถึงบริการสินเชื่อให้กลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือคนที่ไม่มีรายได้ประจำให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น
สำหรับ LINE BK นั้นเกิดจากความร่วมมือของ ธนาคารกสิกรไทยที่ลงทุนผ่านบริษัท กสิกร วิชั่น จำกัดหรือ เควิชั่น และ LINE ที่ลงทุนผ่านบริษัท ไลน์ ไฟแนนเชียล เอเชีย ทั้งนี้ธนาคารกสิกรมีลูกค้า 16.6 ล้านคน เป็นลูกค้า K PLUS 13.5 ล้านคน และมีการทำธุรกรรมทางการเงินกว่า 1.7 พันล้านรายการ ขณะที่ไลน์มีผู้ใช้ 47 ล้านคน ซึ่งมีการใช้งานแอพพลิเคชันไลน์เฉลี่ย 63 นาทีต่อวัน และไลน์ ทูเดย์ที่มีผู้ใช้แอคทีฟ 36 ล้านคนต่อเดือน ทั้งนี้ LINE BK จะให้บริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินเต็มรูปแบบ ได้แก่ 1. บริการบัญชีเงินฝาก ครอบคลุมบริการโอน ถอน จ่าย บน LINE แจ้งเตือนยอดเงินเข้า-ออกแบบเรียลไทม์ 2. บริการบัญชีเงินออมดอกเบี้ยพิเศษสูงสุด 1.5% ต่อปี ทั้งแบบระยะสั้น 6 เดือน หรือระยะยาว 12 เดือน 3. บริการบัตรเดบิต ทั้งรูปแบบบัตรอิเล็กทรอนิกส์และจัดส่งบัตรให้ที่บ้าน 4. บริการวงเงินให้ยืม เจาะกลุ่มผู้ที่ไม่มีรายได้ประจำและไม่มีสลิปเงินเดือน เช่น ฟรีแลนซ์ และผู้ที่ทำธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็กที่มีรายได้ตั้งแต่ 7,000 บาท ก็สามารถขอสินเชื่อได้ โดยวงเงินที่อนุมัติอยู่ที่ประมาณ 1.5 เท่าของรายได้แต่ไม่เกิน 800,000 บาท วงเงินให้ยืมดังกล่าวเป็นเงินที่ทางไลน์กู้มาจากธนาคารกสิกรไทย
“เนื่องจากคนไทยราว 10% มีการใช้สินเชื่อหรือเงินกู้นอกระบบ ซึ่งมีดอกเบี้ยสูงกว่า 20% ต่อเดือน มีคนไทยเพียง 33% หรือ 23 ล้านคนที่มีประวัติการใช้สินเชื่อ อีกทั้งยังมีคนไทยกว่า 60% ที่มีรายได้ไม่เสถียร ขณะที่การปล่อยสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัลในปัจจุบันมีเพียงแค่ 0.2% ผู้ที่ไม่เคยมีประวัติการใช้สินเชื่อจะมีความเสี่ยงในการให้สินเชื่อ ไลน์จึงต้องทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคแต่ละบุคคลไม่มองเป็นกลุ่มๆ มีการเก็บข้อมูลพฤติกรรมผู้ใช้ผ่านไลน์เครดิตสกอริ่ง ที่นำข้อมูลจากพฤติกรรมการการใช้บริการต่างๆ มา ประมวลผลและวิเคราะห์ด้วยเอไอถึงความเสี่ยง ในการกู้ยืมและความสามารถในการชำระคืน”
อย่างไรก็ตาม LINE BK ตั้งเป้าภายใน 3-5 ปี สู่ท็อป 5 ผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าสินเชื่อหลักหมื่นล้านบาท โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ 2 ใน 3 ของประชากรไทย ที่ยังเข้าไม่ถึงสินเชื่อในระบบ ทั้งนี้คาดว่ารายได้หลักของ LINE BK จะมาจากดอกเบี้ยในการปล่อยสินเชื่อ นอกจากนี้ในปี2564 ยังตั้งเป้าที่จะรุกสู่การเป็นโบรกเกอร์ประกันต่างๆ อีกด้วย
ด้านนายธัญญพงศ์ ธรรมาวรานุคุปต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า ทรูมันนี่ ได้จับมือกับธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เพื่อนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีการเงินให้ผู้ใช้สามารถเปิดบัญชีออมทรัพย์ผ่านแอพ TrueMoney Wallet กับ “KKP Start Saving” ผ่านแอพ TrueMoney Wallet ชู 4 จุดเด่น คือ 1. เปิดบัญชีง่าย ไม่ง้อเอกสาร ดอกเบี้ยเงินฝาก 1.55% ต่อปี 2. ถอนฝาก หรือโอนเงินจากบัญชีธนาคารผ่าน TrueMoney Wallet ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งแบบฟรีค่าธรรมเนียม3. เช็คยอดเงินฝากพร้อมดอกเบี้ยสะสมแต่ละวัน หรือตรวจสอบประวัติการทำธุรกรรมได้แบบเรียลไทม์ 4. ความปลอดภัยระดับสถาบันการเงินตามมาตรฐานของธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยระบบยืนยันตัวตน e-KYC
“ทรูมันนี่ กำลังพัฒนาไปสู่การเป็นผู้นำการให้บริการทางการเงินดิจิทัลที่ตอบรับความต้องการในชีวิตประจำวันของผู้ใช้ และเปิดยุคการออมแบบ Cashless เพื่อกระตุ้นการรับรู้และสร้างวินัยการออมแบบMicro-Saving ให้แก่กลุ่มคนรุ่นใหม่”
: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,621 หน้า 16 วันที่ 25 - 28 ตุลาคม 2563