ซีอีโอ “AIS” หวั่นวิกฤติโควิด กระทบรายได้ไม่โตตามยอดใช้
ซีอีโอ “AIS” เปิดใจหลังชำระค่าคลื่นความถี่ 700 MHz งวดแรก กว่า 1.8 พันล้านบาท กับทางสำนักงาน กสทช. เผยหวั่นวิกฤติโควิด กระทบรายได้ไม่โตตามยอดใช้
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิสจำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมตลาดมือถือในปีนี้ ยังเชื่อว่าไม่ต่างกับปีที่ผ่านมาที่มียอดการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ของโควิด-19 ที่ทำให้มีการทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) การเรียนหรือการประชุมต่างๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งปกติปริมาณการใช้งานนั้นเพิ่มขึ้นทุกปี อีกทั้งสถานการณ์โควิดส่งผลให้ปริมาณการใช้งานดาต้าเพิ่มมากขึ้นโดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 20-30% เอไอเอสจึงต้องเน้นในเรื่องของการเพิ่มความสามารถในการรองรับ (Capacity) เข้ามาเพราะความต้องการใช้งานของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น
“สำหรับรายได้ ยังไม่มั่นว่าจะโตขึ้นตามนั้นหรือไม่ ซึ่งรายได้จะลดลงด้วย 2 เหตุผล คือ 1. เรื่องของกำลังซื้อของผู้ใช้บริการจากเดิมที่ลดลง ผู้บริโภคไม่ต้องการจ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อให้ใช้งานได้มากขึ้น และ 2.การแข่งขันในตลาดที่สูง ทำให้รายได้อาจไม่โตตามการใช้งานที่เติบโต โดยอาจทรงตัวหรือติดลบเล็กน้อย”
ปัจจุบันเอไอเอสมีคลื่นความถี่ครบทั้งย่านความถี่ต่ำ ย่านความถี่กลาง และย่านความถี่สูง ครอบคลุมการใช้งานทุกรูปแบบ ประกอบด้วย คลื่น 700 MHz จำนวน 30 MHz (2x15 MHz), คลื่น 2600 MHz จำนวน 100 MHz และคลื่น 26 GHz จำนวน 1200 MHz รวมเฉพาะคลื่นความถี่ที่จะนำมาให้บริการ 5G ทั้งหมดอยู่ที่ 1330 MHz และเมื่อรวมกับคลื่นความถี่เดิมที่มีจำนวนมากที่สุดอยู่แล้ว ส่งผลให้เอไอเอสยังคงยืนหยัด ในฐานะผู้นำอันดับ 1 ที่มีคลื่นความถี่ในการให้บริการ 3G,4G และ 5G มากที่สุดในอุตสาหกรรม รวม 1420 MHz (ไม่รวมคลื่นที่เกิดจากความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ)
ขณะที่คลื่นความถี่ย่าน 26 GHz นั้นทางเอไอเอสจะนำไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก ซึ่งต้องมีปัจจัยที่จำเป็นต้องมารองรับ คือ 1. เน็ตเวิร์ค 2. ดีไวซ์ต่างๆ เช่น การนำไปใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ที่ยังต้องรอการพัฒนาอุปกรณ์ เช่น หุ่นยนต์ 3. เวอร์ติคัลแอพที่จะต้องนำมาใช้ในภาคอุตสาหกรรม
ขณะที่จำนวนผู้ใช้บริการ AIS 5G อยู่ที่หลักล้านรายในฝั่งของคอนซูเมอร์ โดยลูกค้าองค์กรยังมีจำนวนไม่มาก ซึ่งยังต้องรออีก 2-3 ปี ข้างหน้าเชื่อว่าเทคโนโลยี 5G จะแมสกว่านี้ ขณะที่เทคโนโลยี 4G นั้นปัจจุบันครอบคลุมการใช้งานกว่า 98% ซึ่ง 5G ยังคงต้องดูดีมานด์และ ดีไวซ์ของผู้ใช้งานที่สามารถรองรับได้ และขยายไปตามความต้องการ ซึ่งยังตอบไม่ได้ว่าจะครอบคลุมกี่เปอร์เซ็นต์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง