นายนพดล ปัญญาธิปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ประจำประเทศไทย เดลล์ เทคโนโลยีส์ กล่าวว่า เดลล์ เทคโนโลยีส์ ได้ลงนามข้อตกลงกับ เอไอเอส คลาวด์ เอชเอ็ม เอ็นทีที โปรเอ็น คอร์ป เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น และแทนเจอรีน ในการทำงานร่วมกัน ความร่วมมือนี้ช่วยเสริมความแกร่งให้กับสายผลิตภัณฑ์โซลูชันที่สมบูรณ์เป็นรูปแบบ as-a-service ที่คิดการบริการตามการใช้งาน (consumption-based) ที่มาพร้อมความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม ตลอดจนองค์กรธุรกิจในทุกขนาด
“กลยุทธ์ของเราเรียบง่าย นั่นคือการนำสิ่งที่ดีที่สุดของพับบลิคคลาวด์เข้าสู่ดาต้าเซ็นเตอร์ และนำสิ่งที่ดีที่สุดของดาต้าเซ็นเตอร์มาสู่พับบลิคคลาวด์ กลยุทธ์ด้านไอทีแบบมัลติคลาวด์ที่ได้รับการสนับสนุนด้วยสถาปัตยกรรมแบบไฮบริดคลาวด์ จะมีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้กับองค์กรธุรกิจในการที่จะมีรูปแบบการจัดการข้อมูลและการมองเห็นระบบ (visibilities) ข้ามผ่านทุกสภาพแวดล้อมคลาวด์ที่ดียิ่งขึ้นในขณะที่สร้างความมั่นใจให้กับองค์กรว่าข้อมูลจะยังคงสามารถเข้าถึงได้และปลอดภัย
ทั้งนี้ ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจทางด้านไอทีต่างรับแนวการทำงานแบบไฮบริดคลาวด์เข้ามาใช้ เพื่อส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดของทั้งไพรเวทคลาวด์ และพับบลิคคลาวด์ภายในรูปแบบทางไอทีที่มีการผสมผสานกันแบบถาวร และจากการที่องค์กรธุรกิจเข้ามาประเมินลำดับความสำคัญทางดิจิทัล รูปแบบการทำงานเช่นนี้จะช่วยสร้างให้เกิดความคล่องตัวในการทำงานด้านไอทีทั่วกันทั้งหมดเพื่อช่วยสร้างความสำเร็จในยุคเศรษฐกิจหลังการเกิดการแพร่ระบาด
ช่วงปลายปีที่ผ่านมา องค์กรธุรกิจต่างจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างรวดเร็ว ประการแรก เกิดรูปแบบการทำงานและการเรียนจากที่บ้าน และในขณะนี้ ธุรกิจต่างๆ กำลังใช้โอกาสนี้ในการสร้างโมเดลใหม่สำหรับอนาคตที่ผสานการเชื่อมต่อเข้าด้วยกันมากขึ้น บนระบบดิจิทัลแบบอัตโนมัติ ด้วยการใช้ข้อมูลจำนวนมหาศาลในแบบกระจายศูนย์เพิ่มมากขึ้น จากข้อมูลของ PwC Thailand การเกิดขึ้นของการแพร่ระบาดกระตุ้นให้บริษัทของไทยกว่า 50% หันมาใช้บริการบนคลาวด์กันในวงกว้าง โดยเฉพาะอยางยิ่งการใช้งานไฮบริดคลาวด์ที่สามารถเข้ามารองรับสภาพแวดล้อมของการทำงานจากระยะไกล (remote work) ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ PwC คาดว่าแนวโน้มนี้จะยังคงดำเนินต่อไปเนื่องจากบริการคลาวด์มอบทั้งความปลอดภัยและความคล่องตัวที่ธุรกิจต้องการในการรับมือกับวิกฤต
Dell Technologies Cloud เสนอประสบการณ์การใช้งานแพลตฟอร์มคลาวด์ที่สอดคล้องกันในสภาพแวดล้อมระบบคลาวด์ทุกรูปแบบ ครอบคลุมตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานแบบไพรเวท คลาวด์ พับบลิค คลาวด์ ไปจนถึงการใช้งานที่พื้นที่ที่เป็นปลายทาง (Edge locations) เพื่อขจัดไซโล (silos) และความซับซ้อนของคลาวด์จำนวนมากผ่านศูนย์กลาง (hub) การปฏิบัติงานเพียงหนึ่งเดียว
จากการดำเนินงานด้วยรูปแบบของไฮบริดคลาวด์ที่สอดคล้องกัน องค์กรธุรกิจต่าง ๆ สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วต่อสภาพแวดล้อมทางด้านเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งยังสามารถปกป้องการลงทุนด้วยโซลูชันที่มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างเหมาะสม
จากข้อมูลของ Forrester ลูกค้าที่ใช้ Dell Technologies Cloud ในระยะเวลาสามปีขึ้นไปสามารถเห็นผลตอบแทนจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 170% และเรียกคืนค่าใช้จ่ายได้ภายในระยะเวลาไม่ถึงหกเดือน
เมื่อการร่วมมือกับผู้ให้บริการคลาวด์ ผนึกรวมเข้าเป็นหนึ่งกับกลยุทธ์ทางด้านคลาวด์ของเดลล์ เทคโนโลยีส์ ในการมอบความสอดคล้องในการทำงานของคลาวด์ พร้อมด้วยรูปแบบการคิดค่าบริการตามการใช้งาน (consumption-based) ให้แก่องค์กรธุรกิจในทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจขนาดกลาง-ขนาดเล็ก (SMBs) ไปจนถึงระดับเอนเทอร์ไพรซ์ในทุกอุตสาหกรรม ตลอดจนถึงภาครัฐและเอกชน ลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากความสามารถในองค์รวมของการทำพันธมิตรทางธุรกิจที่จะรองรับกลยุทธ์ด้านมัลติ-คลาวด์ และปริมาณเวิร์กโหลดที่มีเป็นจำนวนมากทั้งจากแอปพลิเคชันแบบดั้งเดิมและแบบใหม่ในทุกสภาพแวดล้อมคลาวด์
Dell Technologies Cloud ซึ่งเป็นโซลูชันพร้อมใช้งานที่ผ่านการตรวจสอบล่วงหน้า (pre-validated) และได้รับการรับรอง (certified) ช่วยให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้ให้บริการคลาวด์ให้สามารถสร้างและปรับขยายสภาพแวดล้อมของคลาวด์ที่โฮสต์อยู่ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงปรับใช้งานระบบคลาวด์ที่ลูกค้าเลือกด้วยเวลาที่รวดเร็ว คุ้มค่าและยืดหยุ่นได้ ซึ่งส่วนนี้นำไปสู่การประหยัดต้นทุนอย่างมีนัยสำคัญทั้งจากระยะเวลาที่ใช้สั้นลงในการจัดเตรียมและจัดการสภาพแวดล้อมระบบคลาวด์แบบ multi-tenant ทั้งการสร้างเวอร์ชวลดาต้าเซ็นเตอร์ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีและสามารถใช้งานได้ทุกที่ภายในไม่กี่วินาที