นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ เจมาร์ท ในฐานะบริษัทโฮลดิ้งที่มีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Investment Holding Company (IHC) เปิดเผยถึงวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนธุรกิจโดยนำเทคโนโลยีและบล็อกเชน (Blockchain) เข้ามาสนับสนุน เป็นจุดเริ่มต้นของการนำ JFIN ซึ่งก็คือโทเคนดิจิทัลของบริษัทในกลุ่มเจมาร์ท ภายใต้การบริหารของ บริษัท เจเวนเจอร์ส จากัด เข้ามาระดมทุนในรูปแบบ ICO (initial coin offering) เป็นรายแรกของประเทศไทย และประสบความสำเร็จในการซื้อขายวันแรก วันที่ 2 พฤษภาคม 2561 มีภารกิจหลักเพื่อพัฒนาระบบ Decentralized Digital Lending Platform (DDLP) บนเทคโนโลยี Blockchain ดังนั้น JFIN จึงถือเป็นตัวแทนการเข้าสู่โลกใหม่ของกลุ่มเจมาร์ท นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา และ ถือเป็นผู้นำตลาดที่พยายามผลักดันให้ธุรกิจ FinTech ได้เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ดี กลุ่มเจมาร์ท พยายามเพิ่มความหลากหลายให้ JFIN ในการนำมาใช้ในกลุ่มบริษัท เพื่อปฏิวัติวงการด้านการตลาด ทั้งการลด แลก แจก พร้อมเตรียมทยอยเปิดตัวโครงการอีก 21 โครงการ สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ถือ JFIN และผู้ถือหุ้นของ JMART ควบคู่การสร้างการเรียนรู้ทางด้านคริปโตเคอร์เรนซี่ให้กับผู้บริโภครุ่นใหม่ สอดรับสถานการณ์ในปัจจุบัน ตลาดคริปโตได้รับความสนใจมากขึ้น ด้วยมูลค่าของตลาดคริปโตที่มีการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด พร้อมเปิดโปรเจ็กต์ใหม่สำหรับพนักงานของเจมาร์ทที่มีโอกาสในการได้รับ JFIN จากกลุ่มบริษัทด้วย (ETOP) ซึ่งจะสร้างการเรียนรู้ด้านคริปโตเคอร์เรนซี่ ให้กับคนในองค์กรของเจมาร์ท ทั้งนี้ บริษัทคาดหลังว่าการนำเอา JFIN มาใช้ครั้งนี้ น่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 70 ล้านบาทต่อเดือน เมื่อรวมรายได้ของที่จะเกิดขึ้นจากโปรแกรมนี้
ขณะที่นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ JVC ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาซอฟท์แวร์และแอพพลิเคชั่นทางด้านฟินเทค และลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท เจ มาร์ท จากัด (มหาชน) เปิดเผยว่า JFIN ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ครั้งแรกของประเทศไทยกับการนำโทเคนดิจิทัล JFIN มาใช้แลกเป็นสินค้า (Redeem) ใช้ภายในกลุ่มเจมาร์ท เริ่มตั้งแต่ ช่วง 3 ปีก่อน ภายหลังจาก ICO สำเร็จ วันนี้ กลุ่มบริษัทเจมาร์ทยังคงพยายามผลักดันในการทำให้ JFIN สามารถนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์หรือบริการที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง (Real JFIN Utility mass adoption) ด้วยจุดแข็งของบริษัทในกลุ่มเจมาร์ทที่มีระบบนิเวศน์ในการทำธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งค้าปลีก การเงิน ประกัน และ อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีฐานลูกค้าจำนวนมาก ดังนั้น แต้มต่อ ของ JFIN วันนี้ มั่นใจจะทำให้ผู้บริโภคหันมาสนใจตลาดคริปโตเคอเรนซี่ได้มากขึ้น และเป็นรายแรกในการ ปฏิวัติวงการตลาดคริปโตที่ภาพชัดเจนที่สุด และจะเป็นสิ่งที่ช่วยผลักดันให้กระตุ้นยอดขาย ของกลุ่มบริษัทในเพิ่มขึ้นด้วย
ด้านโปรเจ็กต์สำหรับพนักงานของเจมาร์ท บริษัทฯ มุ่งเน้นการสร้างความรู้และความเข้าใจ เพื่อให้ ทุกฝ่ายในองค์กรขับเคลื่อนไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน และมีโอกาสได้รับ JFIN หากผลงานเป็นไปตาม เป้าหมาย รวมทั้ง การให้ JFIN ต่อพนักงานในรูปแบบ (ETOP) ตามอายุการทำงาน หรือเงื่อนไขที่จะออกมาเป็นหลักเกณฑ์ เพื่อเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างแรงจูงใจให้แก่บุคลากรของบริษัทในการทำงานอย่างมี ประสิทธิภาพและสร้างความเจริญเติบโตให้แก่กลุ่มบริษัทเจมาร์ทอย่างยั่งยืนในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง