แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในหลายประเทศเริ่มคลี่คลาย หลายองค์กรเริ่มประกาศให้พนักงานกลับเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศ แต่หลายองค์กรมองการให้พนักงานทำงานที่บ้าน WFH หรือการทำงานแบบไฮบริด เป็นวิถีใหม่ขององค์กรยุคใหม่ ส่งผลให้การใช้งานแพลตฟอร์มสื่อสารผ่านวิดีโอ ยังคงมีการเติบโตขึ้นต่อเนื่อง
โดยล่าสุด “ซูม” Zoom Video Communications, Inc. (NASDAQ: ZM) แพลตฟอร์มสื่อสารผ่านทางวิดีโอ ชื่อดัง ประกาศผลประกอบการทางการเงินล่าสุดสำหรับไตรมาสแรกของปีงบประมาณที่สิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน 2564 รายได้รวมของไตรมาสแรก 956.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 191%
อีริค หยวน ผู้ก่อตั้ง และ ซีอีโอ ของซูม กล่าวว่าเราเริ่มต้นปีงบประมาณด้วยไตรมาสแรกที่ยอดเยี่ยมมาก โดยมีการเติบโตของรายได้รวมกับผลกำไรและกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 191% ความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของเราในการส่งเสริมให้ลูกค้าทำงานและเรียนรู้ได้จากทุกที่ด้วยแพลตฟอร์มการสื่อสารผ่านวิดีโอที่เพียบพร้อมสดใหม่ และราบรื่นยังคงเป็นตัวผลักดันผลลัพธ์ให้เรา การเริ่มต้นได้อย่างมั่นคงนี้ทำให้เรายินดีที่จะเพิ่มช่วงการคาดการณ์สำหรับปีงบประมาณทั้งปีจาก 3.975 พันล้านดอลลาร์เป็น 3.990 พันล้านดอลลาร์
“เรายังได้เปิดกลุ่มผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีของเราให้แก่นักพัฒนาผ่าน Video SDK ที่ทรงพลังของเรา และแก่ธุรกิจเพื่อขยายขอบเขตการเข้าถึงผ่าน Zoom Events ที่ทำงานไม่ใช่สถานที่อีกต่อไป แต่เป็นพื้นที่ที่ Zoom ทำหน้าที่ให้อำนาจทีมในการเชื่อมต่อและทำแนวคิดที่ดีที่สุดให้กลายเป็นความจริง เราพร้อมจะช่วยนำวิวัฒนาการมาสู่การทำงานแบบผสมผสานที่ช่วยให้เกิดความยืดหยุ่นประสิทธิภาพการทำงาน
และความสุขที่มากขึ้นทั้งในการเชื่อมต่อแบบพบปะตัวต่อตัวและแบบเสมือนจริง”
ข้อมูลการเติบโตที่น่าสนใจของซูมไตรมาสแรก คือ
-ซูม มีรายได้รวมของไตรมาสแรกเท่ากับ 956.2 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 191%จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
-ซูมมีจำนวนลูกค้าที่สร้างรายได้มากกว่า 100,000 ดอลลาร์ในช่วง 12 เดือนล่าสุด เพิ่มขึ้น 160% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
-ลูกค้าประมาณ 497,000 ราย มีพนักงานมากกว่า 10 คน เพิ่มขึ้น 87% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
-ลูกค้า 1,999 ราย สร้างรายได้มากกว่า 100,000 ดอลลาร์ในช่วง 12 เดือนล่าสุด เพิ่มขึ้นประมาณ 160% จากไตรมาสเดียวกันของปีงบประมาณที่แล้ว
-อัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้จากลูกค้าที่มีพนักงานมากกว่า 10 คนในช่วง 12เดือนล่าสุดสูงกว่า 130% ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 12