ดีแทคมองแนวโน้มอุตสาหกรรมต้องใช้ปัจจัยเทคโนโลยีหนุนให้เกิดการเปลี่ยนผ่าน โดยประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการลงทุนอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น โรงงานผลิตรถยนต์ โรงงานสินค้า ระบบขนส่งสินค้า ท่าเรือขนส่งสินค้า และสนามบิน ที่มีความสำคัญในการพัฒนาประเทศและก้าวสู่การฟื้นตัวหลังได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 พร้อมทั้งปรับตัวสู่การรองรับพฤติกรรมใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยดีแทคได้ร่วมกับ AWS พิสูจน์การใช้งานเครือข่ายส่วนตัวขององค์กรร่วมกัน
นายราจีฟ บาวา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจองค์กรและธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “เทคโนโลยี 5G Private Network จะมาปลดล็อกอุตสาหกรรมและกลุ่มผู้ประกอบการที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล โดยต้องเร่งวางแผนระยะยาวหลังวิกฤตโควิด-19 ที่ต้องพัฒนาสู่การใช้งาน IoT แอปพลิเคชัน ซึ่งจะก่อให้เกิดนวัตกรรมการเชื่อมต่ออุปกรณ์ในอุตสาหกรรมและองค์กรต่างๆ ที่มีความหลากหลาย ด้วยความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถออกแบบได้เฉพาะตามความต้องการของแต่ละองค์กรที่มีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ให้บริการหรือผลิตสินค้าที่มีความเฉพาะกลุ่ม (Vertical Industry) เช่น อุตสาหกรรมภาคการผลิต การประกอบรถยนต์ กลุ่มท่าเรือขนส่งสินค้า กลุ่มคมนาคมขนส่ง กลุ่มสาธารณสุข กลุ่มการเกษตร เป็นต้น”
กลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มองค์กรต่างๆ ได้ใช้งานเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นหลักทุกองค์กร แต่ความสำคัญคือการเปลี่ยนผ่านที่จะนำ IoT หุ่นยนต์ เครื่องจักร และระบบอัตโนมัติต่างๆ มาใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพและปลอดภัย ดังนั้น เครือข่ายเฉพาะองค์กรจึงมีความสำคัญยิ่ง วันนี้ 5G Private Network จึงมาตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและระบบอัตโนมัติของกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งต้องการเครือข่ายที่มีความปลอดภัย ความเร็วสูงในการรับส่งข้อมูล ตอบสนองการทำงานแบบทันทีทันใดด้วยความหน่วงต่ำ (low latency) พร้อมวางใจได้ด้วยการรับรอง Service Level Agreement (SLA) ในการเชื่อมต่อ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
“นอกจากการสร้างพื้นฐานเครือข่ายสู่องค์กรธุรกิจยุคใหม่ด้วย 5G Private Network จะทำให้สามารถใช้งานเครือข่ายด้วยประสิทธิภาพสูงสุดที่ออกแบบมาเพื่อการทำงานเฉพาะขององค์กรแล้ว ยังสามารถป้องกันการเชื่อมต่อเครือข่ายภายนอกที่ต้องเผชิญความเสี่ยงทั้งข้อมูลรับ-ส่ง และเสี่ยงต่อการโจมตีจากผู้ไม่หวังดีหรือแฮกเกอร์ที่สามารถใช้ช่องทางเจาะเครือข่ายบุกรุกเข้ามาภายในองค์กรเพื่อเข้าถึงดาต้าหรืออุปกรณ์ IoT ซึ่งมีผลต่อความปลอดภัย” นายราจีฟ กล่าว
ดีแทค 5G Private Network พร้อมให้บริการ 2 รูปแบบเปลี่ยนอนาคตเพื่อองค์กรยุคใหม่
1. เครือข่ายเฉพาะองค์กรสมบูรณ์แบบ (Standalone Private Network) อุปกรณ์เครือข่ายทั้งหมดรวมทั้งระบบ Edge computing จะถูกติดตั้งแยกอิสระ ใช้งานเฉพาะในองค์กร (Completely Isolated System) ด้วยอุปกรณ์สถานีฐาน 5G คลื่น 26GHz และระบบ Local Core แยกจากเครือข่ายสาธารณะ การรับ-ส่งประมวลผลอย่างสมบูรณ์แบบจะอยู่ในพื้นฐานเครือข่ายองค์กรเท่านั้น สามารถวางใจในความเร็วในการรับส่ง ความหน่วงต่ำ (low latency) และความปลอดภัยสูงสุด (superior security)
2. เครือข่ายไฮบริด (Hybrid Private Network) ที่เชื่อมต่อด้วย 5G และ 4G โดยใช้อุปกรณ์สถานีฐานที่ติดตั้งในองค์กรร่วมกับเครือข่ายภายนอก (Public RAN) และประมวลผลข้อมูลผ่านระบบ Edge Computing และ Local Gateway ที่แยกอิสระในองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
ดีแทคสาธิตใช้งาน 5G Private Network
ดีแทคได้ผนึกกำลังกับบริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ AWS ผู้ให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งที่มีบริการครบถ้วนที่สุดและมีผู้ใช้งานจำนวนมาก จัดทดสอบ PoC (Proof-of-Concept) สำหรับ 5G Private Network และ Edge Computing เพื่อสาธิตการใช้งานจริงให้กับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่ดีแทคเฮ้าส์ ซึ่งนำมาประยุกต์ใช้งานกล้องอัจฉริยะในการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ (Video Analytic) เพื่อให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการทำงานของ 5G Private Network และ Edge Computing บนพื้นที่เฉพาะในดีแทค
นายฟาบิโอ เชอโรเน่ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม ประจำภาคพื้นยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกา บริษัทอะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส กล่าวว่า “เอดับบลิวเอสมีความยินดีที่ได้ร่วมกับดีแทคในการนำเสนอบริการใหม่ที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G และเอดจ์คอมพิวติ้ง เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานในบางอุตสาหกรรมที่ต้องการความหน่วงต่ำ การให้บริการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับเอดจ์คอมพิวติ้ง ที่ทำให้สามารถประมวลผลข้อมูลได้ใกล้กับแหล่งกำเนิดข้อมูล จะช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์เทคโนโลยีที่มีความทันสมัยเช่น ปัญญาประดิษฐ์ และแมชชีนเลิร์นนิ่ง เอดับบลิวเอสมีความมุ่งมั่นที่อย่างยิ่งที่จะร่วมมือกับดีแทคเพื่อนำเสนอนวัตกรรม และสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าต่อๆ ไป”
ทั้งนี้ 5G Private Network นั้น เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังเริ่มต้นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ดังนั้น นอกจากความร่วมมือดังกล่าวกับ AWS แล้ว ดีแทคยังร่วมกับพาร์ทเนอร์สำคัญต่างๆ อีกด้วย และรวมทั้งได้ร่วมกับเทเลนอร์ในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์จากการทำ Private Network ของเทเลนอร์ในยุโรปซึ่งได้ทำ Private Network สำหรับใช้งานกับระบบป้องกันความปลอดภัย บริการด้านสุขภาพอนามัย ระบบค้าปลีก และโรงงานผลิตหุ่นยนต์ โดยได้ถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ทีมดีแทค ประกอบกับจำนวนคลื่นความถี่ที่ได้รับอนุญาต (Licensed spectrum) รวมทั้งคลื่น 26GHz สามารถรองรับการให้บริการ 5G Private Network ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มองค์กร