สกายไอซีที โชว์ผลประกอบการครึ่งปีแรกกวาดรายได้ 1,797 ล้าน โต 21%

18 ส.ค. 2564 | 04:09 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ส.ค. 2564 | 11:20 น.

สกาย ไอซีที เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก กวาดรายได้ 1,797 ล้านบาท เติบโต 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมกำไรสุทธิ 34 ล้านบาท ครึ่งปีหลังยังแกร่ง ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องจากโครงการในมือ เล็งเปิดตัว Smart Security Platform บุกภาคเอกชนสร้างโอกาสกระจายรายได้ภายในปีนี้

นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY เปิดเผยว่า จากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ปี 64 (ม.ค.-มิ.ย.2564) บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,796.58 ล้านบาท เติบโต 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 (YoY%) มีกำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือนอยู่ที่ 33.71 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2564 (เม.ย.-มิ.ย.2564) มีรายได้รวมอยู่ที่ 810.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 2/2563 (YoY%) และมีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 19.49 ล้านบาท พร้อมทั้งสามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ไว้ได้ที่ 20.37% สูงกว่าช่วงไตรมาส 2/2563 ซึ่งอยู่ที่ 18.12% ถือเป็นผลการดำเนินงานที่น่าพึงพอใจ แม้ต้องเผชิญแรงกดดันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่

สกายไอซีที โชว์ผลประกอบการครึ่งปีแรกกวาดรายได้ 1,797 ล้าน โต 21%

ทั้งนี้ บริษัทยังคงรักษาการเติบโตของรายได้จากการส่งมอบงานและให้บริการในหลายโครงการ อาทิ 1.โครงการพัฒนาเทคโนโลยีระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเพื่อควบคุมการตรวจคนเข้าเมือง ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 2.โครงการจัดซื้อระบบบริหารจัดการ จัดเก็บข้อมูล และระบบกล้องอ่านแผ่นป้ายทะเบียนอัตโนมัติ (License Plate) ใน 4 พื้นที่ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้ 3.โครงการจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบติดตามตรวจสอบตำแหน่งและเส้นทางรถยนต์ด้วยสัญญาณดาวเทียม ระบบครุภัณฑ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์เชื่อมโยงพร้อมอุปกรณ์ และระบบกล้องอ่านแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์อัตโนมัติแบบเคลื่อนที่ ให้กับกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 4.โครงการจัดซื้อพร้อมติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเพื่อเพิ่มความปลอดภัยบริเวณพื้นที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรมใน 4 พื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพใต้ กรุงเทพเหนือ กรุงเทพกลาง กรุงธนใต้ ให้กับกรุงเทพมหานคร และ 5.โครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการดิจิทัลด้านปฏิบัติการให้กับท่าอากาศยาน

นายสิทธิเดช กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการดำเนินงานครึ่งปีหลัง 2564 บริษัทยังคงมีการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องจากโครงการต่างๆ พร้อมเดินหน้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนกระจายรายได้และความยั่งยืนในการเติบโต ด้วยการเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้ในกลุ่มธุรกิจใหม่ โดยนำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) พัฒนาโซลูชันใหม่ด้านความปลอดภัย “Smart Security Platform” ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดตัวโซลูชันดังกล่าว พร้อมทิศทางการบุกภาคเอกชนได้ภายในปีนี้

“นับวันพลังของ AI ยิ่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนโลกมากขึ้น เห็นได้จากความต้องการด้านเทคโนโลยีในการใช้ชีวิตและดำเนินธุรกิจทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่ยังคงมีดีมานด์อย่างต่อเนื่อง เราในฐานะหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ จึงแสวงหาโอกาสในการขยายการเติบโตสู่ New S-Curve พร้อมวางภารกิจสร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการทั้งในวันนี้และอนาคต” นายสิทธิเดช กล่าว

 

ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 บริษัทได้เข้าทำสัญญาและมีงานที่รอส่งมอบตามสัญญาในอนาคตอยู่ทั้งสิ้นประมาณ 18,000 ล้านบาท เมื่อประกอบกับแผนการขยายธุรกิจบุกภาคเอกชน เชื่อมั่นว่าสิ้นปีนี้รายได้ของบริษัทจะยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง