ผลกระทบจากการวิกฤตโควิดที่อยู่กับประเทศมามากกว่า 1 ปี ส่งผลกับภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ ทำให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องปรับตัว และใช้จุดแข็งมารวมพลังกัน ประคับประคองให้ประเทศไทยเดินต่อได้ โดยเฉพาะการส่งความช่วยเหลือไปยังกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหารรายเล็ก เป็นที่มาของความร่วมมือระหว่าง เอไอเอส และ ธนาคารกรุงไทย ที่พร้อมเป็นช่องทางให้ร้านค้ารายเล็กอย่าง ร้านถุงเงิน เพิ่มโอกาสในการขายสินค้า และรับชำระผ่านแอปพลิเคชันถุงเงินด้วยพอยท์ของลูกค้าเอไอเอส โดยไม่มีค่าธรรมเนียม ในโครงการ "พอยท์เพย์" ที่พร้อมเปิดตัวแล้ววันนี้
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “นโยบายของเอไอเอส นอกจากเดินหน้าพัฒนาบริการดิจิทัลอย่างดีที่สุดแล้ว การร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจประเทศและช่วยเหลือสังคมก็เป็นหน้าที่หลักที่เร่งดำเนินการอย่างสุดความสามารถเช่นกัน เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ดำเนินมากว่า 1 ปี ได้สร้างผลกระทบให้แก่ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มร้านค้ารายเล็ก ตามชุมชนต่างๆ สาเหตุเนื่องมาจากกำลังซื้อที่น้อยลง รวมไปถึงความจำเป็นที่ต้องกักตัวเพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เราจึงมุ่งมั่นที่จะใช้จุดแข็งคือ โครงข่ายดิจิทัล รวมถึงฐานลูกค้ากว่า 43.2 ล้านรายเข้าไปเชื่อมต่อ ช่วยเหลือ สนับสนุน เพื่อรักษาไว้ให้ได้ทั้งร้านค้ารายเล็ก ที่เป็นเสมือนฟันเฟืองจำนวนมหาศาลที่มีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับฐานราก และ ร่วมลดภาระค่าใช้จ่ายของลูกค้า AIS ไปด้วยในเวลาเดียวกัน”
“การประสานพลังกับธนาคารกรุงไทย ในครั้งนี้จึงถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญยิ่ง ในแง่ของการทุ่มเทสรรพกำลังของผู้นำด้านโทรคมนาคมกับผู้นำภาคการเงินธนาคาร ที่เป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ เปิดตัวโครงการ "พอยท์เพย์" ที่เสมือนหนึ่งการใช้ เอไอเอส พอยท์เข้ามาช่วยชาติ กระตุ้นการจับจ่ายให้เกิดรายได้กับบรรดาร้านค้าถุงเงินทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ พร้อมช่วยลดภาระและบรรเทาค่าใช้จ่ายของลูกค้า AIS ผ่านการใช้พอยท์เป็นส่วนลดแทนเงินสด”
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทย ในฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐ มีรัฐเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ มุ่งนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านการเงิน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้าทุกกลุ่ม ตอบโจทย์วิถีชีวิตยุคใหม่ สนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว จากผลกระทบของโควิด-19 ล่าสุด ธนาคารได้ร่วมมือกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดตัวโครงการ “พอยท์เพย์” เพื่อช่วยเหลือร้านค้าขนาดเล็กทั่วประเทศ ให้สามารถขายสินค้าได้มากขึ้น โดยเปิดให้ลูกค้าเอไอเอสที่มีอยู่กว่า 43.2 ล้านราย สามารถใช้คะแนนสะสม ใช้จ่ายแทนเงินสดในร้านค้าถุงเงินได้ โดยปัจจุบันมีร้านค้าถุงเงินอยู่จำนวน 1.5 ล้านร้านค้า
ในระยะแรกจะนำร่องกับร้านค้าประเภทอาหาร และเครื่องดื่ม จำนวน 45,000 ร้านค้าใน 15 จังหวัด ก่อนขยายใช้กับร้านค้าอื่นๆ มากขึ้น โดยตั้งเป้าร้านค้าถุงเงินเข้าร่วมรายการกว่า 700,000 ร้านค้าทั่วประเทศ ซึ่งโครงการนี้จะช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับร้านค้ารายย่อยในชุมชนต่างๆ อย่างทั่วถึง ช่วยให้ร้านค้าสามารถประคองกิจการให้อยู่รอดและเติบโตในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวได้
“ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการผสานจุดแข็งของกรุงไทย ที่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่แข็งแกร่ง และช่องทางการบริการที่หลากหลาย ผนวกกับความแข็งแกร่งในการให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศของ AIS ที่พัฒนาบริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าของทั้งสององค์กร และเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยไปสู่ความยั่งยืน”
โครงการ"พอยท์เพย์" จากเอไอเอส และ ธนาคารกรุงไทย คือ การกระตุ้นพลังการใช้จ่ายจากลูกค้า AIS กว่า 43.2 ล้านราย ให้หันมาช่วยกันซื้อสินค้าจากร้านค้าถุงเงินรายย่อยทุกรูปแบบทั่วไทย ที่สมัครเข้าร่วมโครงการผ่านแอปพลิเคชันถุงเงินในการเป็นช่องทางรับชำระค่าสินค้าและบริการจากลูกค้า AIS ที่ใช้ AIS Points เป็นส่วนลดแทนเงินสด (มูลค่า 2 พอยท์ = 1 บาท) โดยสามารถเลือกชำระด้วยพอยท์ได้เต็มจำนวนที่ใช้จ่าย แบบไม่ต้องใช้เงินสด หรือ ใช้ AIS Points คู่กับเงินสด พร้อมทั้งยังสามารถใช้จ่ายได้ตามพอยท์ที่ลูกค้ามีอยู่ได้อีกด้วย ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่าปัจจุบันลูกค้าที่อยู่ในโปรแกรม AIS Points มีถึงกว่า 17 ล้านคน
ร้านค้าที่สมัครแอปพลิเคชันถุงเงินอยู่แล้ว จะได้รับการอัพเดทเมนูใหม่ “พอยท์เพย์” หลังจากกดยืนยัน ก็จะสามารถรับชำระโครงการ “พอยท์เพย์” ได้ทันที โดยเอไอเอส และ ธนาคารกรุงไทย ได้เริ่มเปิดบริการเฟสแรก แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เริ่มต้นกับร้านถุงเงินในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ที่เข้าร่วมโครงการประมาณ 45,000 ร้านค้า ในจังหวัดหลัก 15 จังหวัดโดยตั้งเป้าร้านค้าถุงเงินเข้าร่วมรายการกว่า 700,000 ร้านค้าทั่วประเทศ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ais.th/พอยท์ช่วยจ่าย และ krungthai.com/link/pointpay
ทั้งนี้ นายสมชัย และ นายผยง ต่างร่วมยืนยันว่า “หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การรวมพลังกันระหว่าง 2 องค์กร จะสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ และจุดประกายการส่งต่อความช่วยเหลือในลักษณะนี้ไปสู่อุตสาหกรรมอื่นๆ เพื่อร่วมฟื้นฟูประเทศไปด้วยกัน”