ชัยวุฒิ”ตรวจความสำเร็จ“ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” เร่งขยายผลรับเปิดประเทศ

08 ต.ค. 2564 | 09:26 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ต.ค. 2564 | 16:39 น.

“ชัยวุฒิ” รมว.ดีอีเอส ลงพื้นที่ ภูเก็ต เยี่ยมชมผลสำเร็จของกระทรวงฯ ที่สั่งการดีป้า สนับสนุนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการควบคุมดูแลนักท่องเที่ยว และควบคุมโควิด ในโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เล็งต่อยอดแอปหมอชนะ หนุนแผนเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวในเฟสต่อไป

วันนี้ (8 ต.ค. 64) นายชัยวุฒิ  ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ภูเก็ต และเยี่ยมชมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการควบคุมดูแลนักท่องเที่ยว และการควบคุมโควิด ในโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ พร้อมเยี่ยมชมศูนย์ปฏิบัติการต่างๆ ที่เป็นการบูรณาการทำงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆ เพื่อนำร่องขับเคลื่อนแผนการเปิดประเทศฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เริ่มจากภูเก็ต ก่อนใช้เป็นต้นแบบขยายผลสู่จังหวัดอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อไป โดยมีนางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เข้าร่วมด้วย

ชัยวุฒิ”ตรวจความสำเร็จ“ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” เร่งขยายผลรับเปิดประเทศ

ทั้งนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ โดย บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ในการช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีให้กับการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ เช่น ระบบติดตามบุคคลโดยการจับใบหน้า, ระบบติดตามตัวหมอชนะ, Dash Board ที่ใช้สำหรับรายงานสถานการณ์ แจ้งเตือนในระบบ Phuket Tourism Sandbox, ระบบ Shaba Plus และระบบตรวจสอบนักท่องเที่ยวเพื่อใช้ในการกักตัว เป็นต้น

ในโอกาสนี้ รมว.ดิจิทัลฯ ได้เยี่ยมชมการปฏิบัติงานศูนย์ Phuket Sandbox  (ณ ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ 191 ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต) ซึ่งมีระบบเชื่อมโยงข้อมูลของนักท่องเที่ยวและระบบติดตามตัวนักท่องเที่ยว กับด่านตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต ด่านตรวจคนเข้าเมืองทางบก ที่ด่านท่าฉัตรไชย ด่านตรวจคนเข้าเมืองทางน้ำ ที่ท่าเรืออ่าวฉลอง ท่าเรือรัษฎา และท่าเรืออ่าวปอ) ศูนย์ประสานงานโรงพยาบาลรัฐและเอกชนสถานี ตำรวจภูธรจังหวัด ตำรวจน้ำตำรวจท่องเที่ยว ศูนย์ประสานงานโรงแรม SHA Plus Manager ศูนย์ประสานงานสถานประกอบการ SHA Plus ศรชล.จังหวัดภูเก็ต สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลภาคใต้ รวมไปถึงหน่วยงานส่วนกลาง ทั้ง ศปก. ศบค. และ ศบค.มท.

โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าภูเก็ต ต้องดาวน์โหลดแอปหมอชนะ เพื่อเป็นระบบติดตามตัวซึ่งจะส่งสัญญาณโลเคชั่นที่นักท่องเที่ยวอยู่ทุกๆ ครึ่งชั่วโมงมายังศูนย์ฯ ทำให้ทราบว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาภูเก็ตอยู่ ณ จุดใด และหากนักท่องเที่ยวออกนอกพื้นที่ภูเก็ตระบบดังกล่าวก็จะแจ้งเตือนมายังศูนย์ฯ

“เรายังขยายผลการใช้งานแอปหมอชนะ สนับสนุนนโยบายของรัฐบาลที่จะเปิดรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในจังหวัดอื่นๆ เพิ่มเติมจากภูเก็ต ที่ผ่านมามีการตรวจสอบมาตรการของแอปฯแล้ว จากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ให้เจ้าหน้าที่ดาวน์โหลดติดตั้งแอปหมอชนะ ได้ทดสอบออกนอกพื้นที่ที่กำหนด ก็พบว่า ระบบจะแจ้งเตือนไปที่ห้องควบคุมระบบว่ามีผู้ฝ่าฝืนออกนอกพื้นที่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามกลับเข้าพื้นที่ได้ ควบคู่กับการตรวจคัดกรองโควิดชาวต่างชาติก่อนเข้าพื้นที่ ระหว่างที่ท่องเที่ยวอยู่ในพื้นที่ด้วยครับ จึงทำให้มั่นใจมากขึ้นเรื่องป้องกันความเสี่ยงแพร่เชื้อ รองรับการผลักดันการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ให้เมืองไทยกลับมาเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของโลกได้เหมือนเดิม ภายใต้วิถีชีวิตปกติใหม่” นายชัยวุฒิกล่าว

ทั้งนี้ จากการที่ได้ลงมาติดตามความคืบหน้าภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ครั้งนี้ มั่นใจว่าประเทศไทยเดินมาถูกทางแล้ว มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเตรียมขยายจากภูเก็ต ไปยังจังหวัดใกล้เคียง คือ กระบี่ และพังงา  โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่ไปใช้ติดตามตัวนักท่องเที่ยวและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมขอให้ประชาชนมั่นใจว่า เราสามารถเปิดประเทศได้ตามนโยบายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยกล่าวไว้ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ อีกทั้งจะนำโมเดลนี้ที่กระทรวงดิจิทัลฯ วางระบบไว้ไปใช้กับจังหวัดอื่นๆ ที่จะเปิดการท่องเที่ยวด้วย

“เชื่อมั่นได้ว่า นโยบายที่รัฐบาลได้วางไว้เรื่องการเปิดประเทศทำได้สำเร็จแน่นอน ในส่วนของแอปพลิเคชันที่เรานำมาใช้ ในส่วนของการเชื่อมโยงข้อมูลกัน มีศูนย์บัญชาการที่เราจะเป็นแกนกลางในการประสานข้อมูล ประสานมาตรการต่างๆ ที่รวดเร็วมีประสิทธิภาพ ขณะที่ ในส่วนของมาตรการบางอย่างที่ยังไม่เหมาะสม เป็นข้อจำกัด เป็นภาระกับนักท่องเที่ยว ก็อาจพยายามลดลงไปให้ได้มากที่สุด เช่น การตรวจ RT-PCR  เราก็อยากให้ลดลงมาเป็นการตรวจ ATK แทน เพื่อลดค่าใช้จ่ายจาก 2,600 บาทต่อครั้ง ลงมาอยู่ที่ประมาณ 200 บาทต่อครั้ง ก็จะลดภาระของนักท่องเที่ยวได้” นายชัยวุฒิกล่าว

นายชัยวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีที่จะมีการขยายพื้นที่ท่องเที่ยวไปหลายจังหวัดมากขึ้น อยากให้แต่ละจังหวัดมีการเชื่อมโยงข้อมูลและมาตรการให้เป็นเนื้อเดียวกัน  รวมถึงทุกเเพลตฟอร์ม เป็น One Country One Platform  One application  ควรมีการบริหารจัดการที่ศูนย์รวมที่เดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องผลักดันต่อไปโดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลทุกจังหวัดเข้าด้วยกันให้ได้

นอกจากนี้ รมว.ดีอีเอส ยังได้เดินทางไปเยี่ยมชมศูนย์ IOC (Intelligence Operation Center) หรือ Command Center ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการและรวบรวมข้อมูลระดับเมืองของเทศบาลป่าตอง เป็นการขยายผลสู่ระดับจังหวัดที่ดำเนินการร่วมกับ จังหวัดภูเก็ต องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน โดยศูนย์ดังกล่าวมีการนำแพลตฟอร์มจัดเก็บและบริหารข้อมูลเมือง (City data Platform: CDP) มาใช้วางแผน บริหารจัดการ และแก้ไขปัญหาของเมืองที่มีความซับซ้อนให้เกิดประสิทธิภาพ

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ดีป้า ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดดีอีเอส ได้ขับเคลื่อนและพัฒนาแพลตฟอร์มจัดเก็บและบริหารข้อมูลเมืองมาอย่างต่อเนื่อง โดยบูรณาการการทำงานกับ บริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด และ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ติดตั้งกล้องซีซีทีวีบริเวณหาดป่าตอง และทุกแยกจราจร ให้ทำงานร่วมกับโซลูชันตรวจจับใบหน้า เพื่อตรวจสอบและติดตามผู้กระทำผิด และส่งการแจ้งเตือนสู่ศูนย์ฯ ก่อนนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์และนำไปใช้วางแผน บริหารจัดการ และแก้ไขปัญหาของเมือง 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการท่องเที่ยว ด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม และด้านอสังหาริมทรัพย์

ขณะที่ ในระยะต่อไปวางเป้าหมายการเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานต่าง ๆ ในจังหวัดภูเก็ตเข้าด้วยกัน เพื่อเกิดประโยชน์ต่อประชาชนในจังหวัด ก่อนนำไปสู่การขับเคลื่อนภูเก็ตเมืองอัจฉริยะ (Phuket Smart City)

ด้านนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต  กล่าวถึงโครงการ Phuket Sandbox ที่นำร่องทดสอบการเตรียมความพร้อมในการเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นโครงการที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลประยุกต์ในการในหลากหลายมิติ รวมถึงการติดตามตรวจสอบให้นักท่องเที่ยวในโครงการอยู่ในขอบเขตและระยะเวลาที่กำหนดผ่าน Application หมอชนะ เป็นต้น

“ขอชื่นชม แอปหมอชนะ ซึ่งรวมถึงการนำระบบ SHABA มาใช้ขับเคลื่อน และขอบคุณทางรัฐมนตรี และทางกระทรวงดิจิทัลที่ได้จัดสรรงบประมาณในโครงการ 5G Use Case ระบบในการคัดกรองและแจ้งเตือนสำหรับ Phuket Sandbox รวมถึงระบบ Big Data เพื่อบูรณาการข้อมูลที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นจากฝั่งนักท่องเที่ยวหรือฝั่งผู้ประกอบการแรงงานเพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดเศรษฐกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้จังหวัดภูเก็ตจะได้มีเครื่องไม้เครื่องมือในการดำเนินโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผลอย่างมาก” ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตกล่าว