วัดเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและยังได้รับการสนับสนุนจากภาคประชาชนมากที่สุดในประเทศไทยแนวทางการระดมของวัดมีหลากหลาย ทั้งระดมทุนจากเงินทำบุญและเงินบริจาค การระดมทุนผ่านการดำเนินกิจกรรมทางศาสนา การระดมทุนผ่านเงินช่วยเหลือจากภาครัฐ หรือแม้กระทั่งการดำเนินการผ่านมูลนิธิ/สถานศึกษาที่อยู่ภายในวัด
ในยุค 4.0 หรือเศรษฐกิจดิจิทัล เราจะเห็นได้จากหลายวัดการมีเว็บไซต์ และ Prompt Pay เป็นช่องทางโอนเงินเพื่อทำบุญกับวัดได้โดยตรง ล่าสุดด้วยเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของโลก กระแสนิยมเหรียญดิจทัล ทำให้เกิดกลุ่มนักพัฒนา เหรียญดิจิทัล ที่ใช้ชื่อว่า “สมเด็จคอยน์” Somdejcoin (SDC) ขึ้นมา
“บูม” ตัวแทนกลุ่มนักพัฒนาเหรียญ“สมเด็จคอยน์” Somdejcoin (SDC) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่ากลุ่มนักพัฒนา “สมเด็จคอยน์” Somdejcoin (SDC) ส่วนใหญ่อยู่ในวงการพระเครื่องเทคโนโลยีเหรียญดิจิทัล และบล็อกเชน ซึ่งมองว่าในช่วงการแพร่ระบาดของโควิดที่ผ่านมา ผู้คนเดินทาง หรือไปทำบุญที่วัดลดลง โดยวัดได้รับผลกระทบรายได้จากการเงินบริจาค จึงได้พัฒนาโครงการ เหรียญดิจิทัล “สมเด็จคอยน์” Somdejcoin (SDC) ขึ้นมา ร่วมกับวัดป่ามหาญาณ อ.เมือง จ.ตรัง และมูลนิธิอีก 1 แห่ง
Somdejcoin (SDC) เป็น DeFi Token ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากบล็อกเชนเป็นเหรียญดิจิทัลในรูปแบบการสะสม เพื่อให้คนไทยและคนทั่วโลกสามารถเข้าถึงเหรียญสมเด็จดิจิทัลเหรียญรุ่นแรกของโลก Somdejcoin ถูกสร้างมาในจำนวนจำกัด 66,186,727 ล้านเหรียญ เท่ากับจำนวนประชากรของคนในประเทศไทย ปี 2563 โดยแต่ละเหรียญจะมีเลข contract เฉพาะตัว โดยกลุ่มนักพัฒนาต้องการให้คนไทยได้มีโอกาสสะสมเหรียญที่ระลึกและเข้าถึงเหรียญสมเด็จดิจิทัล ให้มีโอกาสอย่างน้อยคนละ 1 เหรียญ เพื่อเป็นของที่ระลึก โดย Somdejcoin นั้นจะทำงานอยู่บน Binance Smart Chain (BSC) ซึ่งสามารถนำเหรียญไปทำการ Farming, Staking ได้ตามปกติของ Token ทั่วๆไป ผ่านทาง Pancakeswap ของ BSC อีกด้วย แต่ทางทีมผู้พัฒนานั้น เสนอแนะให้เหรียญนี้เป็นเหรียญสำหรับสะสม ไม่ได้มีไว้เพื่อการเก็งกำไร
ระบบการทํางานของเหรียญ Somdejcoin ในทุกๆ การทำธุรกรรม หรือทรานเซ็กขันของเหรียญ Somdejcoin จะมีการหัก Tax : 9% ทุกครั้งที่ซื้อผ่านระบบ โดย 9% ที่หักไป จะถูกนำไปใช้ดังนี้ 1. Reflection จะหัก Tax 3% จะเอาไปเสริมสภาพคล่องของระบบเหรียญ, 2. LP Acquisition and Burn จะหัก Tax 3% เพื่อเพิ่มมูลค่าเหรียญให้ผู้ถือครองในระบบและ 3. Charity จะหัก Tax 3% นำไปทะนุบำรุงศาสนาและช่วยเหลือสังคม
ตัวแทนกลุ่มนักพัฒนาเหรียญ Somdejcoin กล่าวต่อไปอีกว่าขณะนี้เริ่มเปิดให้ผู้สนใจเข้ามารับเหรียญ Somdejcoin ฟรีแล้ว โดยมีผู้สนใจทยอยเข้ามารับเหรียญแล้วมากกว่า 100,000 เหรียญ และเริ่มมีการนำเหรียญเข้าไปลิสต์ในกระดานศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลต่างประเทศ อาทิ Arken
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของกลุ่มนักพัฒนา ต้องการให้เหรียญ Somdejcoin สามารถลิสต์บนกระดานศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย เช่น สตางค์โปร หรือ Bitkub อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยที่ผ่านมาได้การดำเนินการการประสานงาน ให้ข้อมูล ยื่นเอกสาร และหารือ กับสำนักงานพระพุทธศาสนา และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (กลต.) มาตลอด เพื่อให้พัฒนาเหรียญ Somdejcoin มีดำเนินการที่ความถูกต้อง และโปร่งใส โดยคาดว่าจะสามารถรู้ผลหรือมีความชัดเจนขึ้นในระยะเวลา 2 เดือน ซึ่งหลังจากทราบผลจะมีการเปิดตัวทีมพัฒนาอย่างเป็นทางการ และตั้งเป้าจะมีวัดเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 99 วัด
ตัวแทนกลุ่มนักพัฒนาเหรียญ Somdejcoin กล่าวต่ออีกว่า กรณีที่หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าเหรียญ Somdejcoin เข้าข่ายผิดกฎหมาย หรือหลอกลวง หรือไม่นั้นทีมงานมีความตั้งใจพัฒนาเหรียญ Somdejcoin เพื่อช่วยวัด โดยขั้นตอนการดำเนินการนั้นมีการยื่นเอกสารขออนุญาตจากสำนักพระพุทธศาสนา และสำนักงาน กลต. โดยทีมพัฒนาสามารถออกเหรียญ Somdejcoin ได้เพราะเป็น Utility Token หรือเหรียญที่เอาไว้ใช้เพื่อแลกกับบริการ หรือ การใช้งานระบบ และเป็นเหรียญที่แจกฟรี ไม่ได้เรี่ยไรเงิน กรณีของ White Paper ที่มีคนตั้งข้อสังเกตุว่าที่ไม่มีความชัดเจนนั้นขณะนี้ไม่สามารถดำเนินการแก้ไขได้ เพราะเป็น White Paper ที่ยื่นขออนุญาตจากสำนักงาน กลต.
ด้าน นายเอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง ซิปเม็กซ์ ประเทศไทย แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล กล่าวแสดงความเห็นว่าการออกเหรียญ Somdejcoin เป็นเรื่องของความเชื่อที่จับต้องไม่ได้ วิธีการทำบุญนั้นยังมีทางเลือกได้อีกหลายอย่าง การออกเหรียญดิจิทัล เพื่อเป็นช่องทางบริจาคเงินให้วัดออกจะเป็นแนวพุทธพาณิชย์มากเกินไป
ขณะที่นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ (สำนักงาน กลต.) ระบุว่า “เหรียญสมเด็จคอยน์” เป็น crypto/UT พร้อมใช้ ซึ่งออกได้ไม่ติดเกณฑ์ เพราะ พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 ไม่ได้มีข้อกำหนดห้ามการออก หรือต้องขออนุญาตแบบ IPO แต่หากจะมาลิสต์ ต้องมาหารือ ก.ล.ต.ก่อน และต้องดำเนินการให้ถูกกฎหมาย ดังนั้นต้องขออนุญาตจากสำนักพุทธศาสนา และมหาเถรสมาคม หรือ สมเด็จพระสังฆราชก่อน