นายคามัล เหลียง ผู้จัดการทั่วไป ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เสียวหมี่ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จากตลาดเชียแปซิฟิก 10 ประเทศ ที่ดูแล ได้แก่ ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งมีประชากรรวมกว่า 400 ล้านคน
ถือเป็นตลาดที่ยังมีโอกาสการขยายตัวสูง ไม่เพียงแค่สมาร์ทโฟน หากแต่กลุ่มผลิตภัณฑ์ AIoT ที่จะเชื่อมต่อดีไวซ์ต่างๆ ด้วยอินเตอร์เน็ต รองรับบิ๊กเทรนด์การเชื่อมต่อ Smart Living เพื่อให้คนใช้งานแต่ละดีไวซ์ได้รับศักยภาพในการใช้งานดีขึ้น จะมีการเติบโตอย่างมาก เสี่ยวหมี่จึงเตรียมเพิ่มสุดส่วนโปรดักส์กลุ่มนี้ จาก 10% เป็น 40% ภายในระยะเวลา 3 ปีต่อจากนี้
ขณะนี้ หลายแบรนนด์ขยับไปขยายตลาด AIoT ในส่วนของเสี่ยวหมี่ มีการลงทุนด้าน AIoT มาตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งขณะนั้น ยังไม่มีคู่แข่งเข้ามาเล่นในตลาดนี้มากนัก ทำให้เสี่ยวหมี่แตกต่างและค่อนข้างได้เปรียบแบรนด์อื่นๆ
นอกจากนี้ เสี่ยวหมี่ยังมีวิขั่นและมิชชั่น ในการผลิตโปรดักส์เพื่อทุกคน ในราคา best prize ประกอบกับกลยุทธ์หลักที่ชัดเจน ด้วยคอนเซ็ปต์ Glocal ที่เป็น Global Resource และ Global Talent มีการพัฒนาการมีโปรดักส์ที่หลากหลายและตอบโจทย์ ทำให้ทีมสามารถรุกตลาดต่างๆ ได้ง่ายมากขึ้น
นายคามัล กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมของตลาดสมาร์ทโฟนปัจจุบัน ทุกคนพยายามแชร์ข้อมูลผ่านโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค ไม่ใช่แค่ภาพ แต่เป็นการแชร์คอนเทนต์ต่างๆ ที่มี และนี่คือบิ๊กเทรนด์ของการทำงานร่วมกันเป็นสมาร์ทลิฟวิ่ง รวมถึงการใช้โมบายเพื่อการเล่นเกม
แม้สภาพเศรษฐกืจจะยังไม่ค่อยนิ่ง หากแต่ผู้บริโภคยังมีความต้องการโปรดักส์ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตและการทำงาน ซึ่งเสี่ยวหมี่พยายามสนองตอบความต้องการดังกล่าว ด้วยสินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่จับต้องได้