นายกฤษฎ์ บุญสาตร์ นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย กล่าวในงานเสวนา“อนาคตคริปโต อนาคตไทยแลนด์” เมื่อรัฐบาลต้องการเก็บภาษีคริปโตเคอร์เรนซี่ จะทำอย่างไรให้ประเทศไทยได้ประโยชน์สูงสุดและไม่เสียโอกาส จัดโดยหนังสือพิมพ์ "ฐานเศรษฐกิจ" และฐานดิจิทัล ว่าภายหลังจากการหารือกรมสรรพากร ในปีภาษีนี้คงไม่สามารถแก้กฎหมายได้ทัน ซึ่งผู้ที่มีรายได้จากคริปโตคงต้องปฎิบัติตามกฎหมายไปก่อน แต่ภายหลังจากนี้จะมีการหารือกับกรมสรรพากร เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในการจัดเก็บภาษี
อย่างไรก็ตามในทางปฎิบัติ การจัดเก็บภาษีคริปโต แบบหัก ณ ที่จ่าย ไม่สามารถทำได้ ขณะที่รูปแบบการเก็บภาษีตาม Capital Gain โดยมีกำไรแล้วหักภาษีนั้น คำถามคือถ้าขาดทุนจะหักลบกันอย่างไร ส่วนใช้วิธีเก็บภาษีแบบ Net Gian มีปัญหาเรื่องผู้ประกอบการ ปัญหาผู้ให้บริการเอ็กซ์เชนจ์ ไม่อยากมีภาระการจัดเก็บข้อมูล นักลงทุนใช้บอตเทรด ทรานเซ็กชันที่เกิดขึ้นเป็นล้าน ซึ่งแนวทางที่คิดว่าทำได้คือ หากคิดแบบชาวบ้านต้นปีรายได้เท่าไร ปลายปีรายได้เพิ่มเท่าไร ความมั่งคั่ง หรือ Wealth เพิ่มขึ้นเท่าไร ก็คิดตามภาษีตามนั้น
อย่างไรก็ตามในอนาคตทุกคนแฮปปี้กับการจัดเก็บภาษีตามทรานเซ็กชัน แต่ต้องมาพูดคุยถึงเปอร์เซ็นต์เท่าไรที่นักลงทุนรับได้ ฝั่งเอ็กซ์เชนจ์ก็ไม่อยากขึ้นค่าธรรมเนียม เพราะผลักลูกค้าหนีไปต่างประเทศ สิ่งที่สมาคมฯ ได้มีการหารือกับผู้ให้บริการเอ็กซ์เชนจ์ คือ ขอให้อดทนเพื่ออนาคต โดยอนาคตหากสามารถดึงโวลุ่มจากต่างประเทศเข้ามา ผู้ให้บริการเอ็กซ์เชนจ์ ก็มีค่าธรรมเนียมมากขึ้น
นายกฤษฎ์ กล่าวต่อไปอีกว่าในแง่ของการพัฒนาอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในมุมมองของสมาคมนั้นมองว่าการเริ่มเก็บภาษีสินทรัพย์ดิจิทัลในช่วงที่อุตสาหกรรมกำลังเติบโตนั้นเป็นเรื่องที่เร็วเกินไป ภาครัฐควรเปิดให้อุตสาหกรรมมีการเติบโตอย่างเต็มที่ก่อนแล้วค่อยเก็บ