นายชานนท์ จิรายุกุล ประธานกรรมการอาวุโสฝ่ายบริหาร ออปโป้แห่งประเทศไทย กล่าวว่าท่ามกลางความท้าทายระดับโลก ออปโป้มุ่งมั่นที่จะพัฒนานวัตกรรมที่เน้นมนุษย์เป็นหัวใจสำคัญและประสบการณ์เทคโนโลยีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจมาสู่ผู้ใช้งานทั่วโลก นี่จึงเป็นที่มาของการประกาศ Brand proposition ใหม่ของออปโป้ ‘Inspiration Ahead’ โดยให้คำมั่นว่าจะใช้แนวทางเชิงบวก และดำเนินการยกระดับประเด็นสำคัญต่อความยั่งยืน เพื่อสอดรับกับความเชื่อที่ว่า ‘Technology for Mankind, Kindness for the World’ และด้วยการดำเนินธุรกิจตามแนวทางดังกล่าว
ทำให้ออปโป้ยังคงเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก จากข้อมูลของ Canalys ในปี 2021 ตลาดสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ตระกูล Find X Series ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดย OPPO Find X3 Series ที่มียอดขายทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 140% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ตอกย้ำความเป็นเจ้าตลาดสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ออปโป้ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟน Android 5G ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก 2 ปีติดต่อกันจากการทุ่มเทวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่ลงทุนกว่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยในวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมานี้ออปโป้ได้ยื่นคำขอจดสิทธิบัตรมากกว่า 77,000 รายการ และมีสิทธิบัตรที่ได้รับมากกว่า 38,000 รายการทั่วโลกเพื่อพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมแห่งอนาคตเพื่อผู้บริโภค
ในครั้งนี้ ออปโป้ได้ทลายขีดจำกัดของทุกความเป็นไปได้ทั้งในด้านเทคโนโลยีและดีไซน์มารวมอยู่ในสมาร์ทโฟนระดับแฟลกชิป OPPO Find X5 Pro 5G รุ่นใหม่นี้ในแนวคิด ‘Empower Every Moment’ ที่ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับกล้องบนสมาร์ทโฟนด้วยการนำ MariSilicon X Imaging NPU ที่ออปโป้ดีไซน์ขึ้นเองเป็นครั้งแรก ทำให้สามารถถ่ายวิดีโอคุณภาพระดับ 4K ในที่แสงน้อย รวมถึงการได้ร่วมงานกับแบรนด์กล้องชื่อดัง Hasselblad มอบสีสันอย่างสมจริงเป็นธรรมชาติมากที่สุด
รวมถึงดีไซน์ตัวเครื่องที่หรูหรา ล้ำสมัย และครั้งนี้ได้สะท้อนพรีเมียมไลฟ์สไตล์ที่อยู่เหนือกาลเวลาของผู้ใช้ที่แตกต่างมาร่วมสร้างสรรค์ผลงานเพื่อสะท้อนความเป็นตัวตนผ่านประสิทธิภาพอันทรงพลังจากนวัตกรรมระดับแฟลกชิปของ OPPO Find X5 Pro 5G ด้วยการดึงดาราชื่อดังและผู้กำกับมืออาชีพ นำโดย โอปอล์ ปาณิสรา อารยะสกุล, ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ และ ย้ง ทรงยศ สุขมากอนันต์ ในบทบาท OPPO Finder ในครั้งนี้
ที่สุดแห่งสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ที่ผสานรวมระหว่างเทคโนโลยีและศิลปะอย่างลงตัว ของ OPPO Find X5 Pro 5G รุ่นล่าสุดได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับโลกสมาร์ทโฟนในการส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมาด้วยไฮไลท์ฟีเจอร์มากมายที่จะยกระดับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานทั่วโลก ทั้งการถ่ายวิดีโอและภาพที่เป็นตำนานด้วยระบบกล้องที่ขับเคลื่อนด้วย MariSilicon X ซึ่งเป็น Imaging NPU ขนาด 6 นาโนเมตรอันล้ำสมัยที่ออปโป้ดีไซน์ขึ้นเองเป็นครั้งแรก มอบพลังการถ่ายวิดีโอในที่แสงน้อยได้ดีที่สุดแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนใน 4K Ultra Night Video และยังมาพร้อมระบบกันสั่นระดับโปร
นอกจากนี้ชุดกล้องระดับแฟลกชิปบน OPPO Find X5 Pro 5G ยังได้รับการพัฒนาร่วมกับวิศวกรของแบรนด์กล้องระดับโลกอย่าง Hasselblad เพื่อนำ Natural Color Calibration ที่ปรับจูนกล้องให้สามารถเก็บสีสันของภาพได้อย่างเป็นธรรมชาติและสมบูรณ์แบบราวกับตาเห็นมากที่สุดเพื่อสร้างสรรค์ภาพถ่ายระดับมืออาชีพ ด้านงานดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากยุคอวกาศของการลงจอดยานบนดวงจันทร์ ทำให้ตัวเครื่องโดดเด่น ล้ำสมัย โค้งมนไร้รอยต่อ ประกอบด้วยฝาหลังที่ทำจากวัสดุเซรามิกพรีเมียม และหน้าจอ Corning Gorilla Glass Victus ที่มีความทนทาน กันรอยขีดข่วน การันตีด้วยรางวัล iF DESIGN AWARD 2022 ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
นอกจากนี้ OPPO Find X5 Pro 5G ยังอัดแน่นด้วยฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานในทุกมิติชีวิต ด้วยขุมพลัง Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 แบบมัลติคอร์ประสิทธิภาพสูง ท่องไปบนโลก 5G ได้อย่างราบรื่น และด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5,000mAh ที่รองรับการชาร์จแบบ 80W SUPERVOOC ทำให้สามารถชาร์จได้ 50% ภายใน 12 นาที และรองรับ 50W AIRVOOC ที่สามารถชาร์จได้เต็ม 100% ในเวลาเพียง 47 นาที ทำให้ใช้งานได้ตลอดวันโดยไร้กังวล และยังมาในหน้าจอ AMOLED 10 บิตที่แสดงผลได้มากกว่าหนึ่งพันล้านสี ขนาด 6.7” ที่มาพร้อมอัตราการรีเฟรชขั้นสูงถึง 120Hz ซึ่งรับรองได้ว่าจะมอบประสบการณ์การดูหนัง เล่นเกม หรือท่องอินเตอร์เน็ตได้เต็มรูปแบบ ลื่นไหล และคมชัดสวยงาม
นอกจากการเปิดตัว OPPO Find X5 Pro 5G อย่างเป็นทางการในไทยแล้ว ครั้งนี้ออปโป้ยังเปิดตัวหูฟังไร้สายระดับแฟลกชิปรุ่นล่าสุด “OPPO Enco X2” คุณภาพระดับสตูดิโอที่ได้รับการพัฒนาร่วมกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง Dynaudio เติมเต็มให้ทุกเสียงคมชัดเหนือทุกสัมผัสด้วยเทคโนโลยีด้านเสียงระดับไฮเอนด์ด้วย Super DBEE และ Coaxial dual-driver five-magnet sound system รวมถึงรองรับ Hi-Res Audio Wireless และมอบประสบการณ์เสียง Golden Sound Boost ทำให้ผู้ใช้ได้คุณภาพเสียงระดับไฮเอนด์ความละเอียดสูงอย่างเพลิดเพลิน
นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนได้หลากหลายสถานการณ์ รวมถึงอัลกอริธึมในการช่วยลดเสียงลมอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อประสบการณ์การฟังแบบเฟิร์สคลาสที่ราบรื่นไร้ข้อจำกัด และเพลิดเพลินได้ไม่มีสะดุดด้วยแบตเตอรี่ที่ยาวนานถึง 40 ชั่วโมง มาพร้อมระบบชาร์จไว และยังรองรับการชาร์จแบบไร้สาย และที่สำคัญยังมีดีไซน์โค้งมนสวยงามรับกับใบหูให้ความรู้สึกคล่องตัว มาในสีขาว Frosty White