นายฮาว ริเร็น รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “ในขณะที่ดิจิทัลกำลังเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนเข้ามาพลิกวิถีการใช้ชีวิต การเรียนรู้ และการทำงาน ข้อมูลจาก Statista ปี 2564 ระบุว่า การใช้ชีวิตของคนไทยยุคนี้ คุ้นเคยกับการซื้อของผ่านออนไลน์ กว่า 36.6 ล้านคน ทำให้ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยมีมูลค่าประมาณ 4 ล้านล้านบาท
คนไทยใช้โซเชียลมีเดีย 75% เด็ก Gen Z ใช้เวลามากกว่า 5 ชั่วโมงต่อวันในการเรียนออนไลน์ การทำงานในยุคนี้ลูกจ้างก็สามารถเลือกทำงานแบบไฮบริด จะทำงานจากที่ไหนก็ได้ หรือจะเลือกเข้าสำนักงานก็ได้ การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่จะช่วยให้ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวันทำได้สะดวก รวดเร็ว แต่เราก็เห็นอีกด้านที่มีความย้อนแย้ง
ความย้อนแย้งที่เกิดขึ้นในยุคดิจิทัลที่เฟี่องฟู
ในทางกลับกัน คนไทย 63% ไม่มีทักษะด้านดิจิทัลที่จำเป็นสำหรับการทำงาน ทำให้พวกเขาเสี่ยงต่อการตกงานหรือถูกเลิกจ้าง ธุรกิจในประเทศไทยยังคงตามหลังความก้าวหน้าของการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล โดยเฉพาะ SMEs การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลอย่างรวดเร็วยังเน้นให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมกันและการแบ่งแยกทางดิจิทัล ในกลุ่มผู้ด้อยโอกาส 5 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนชนบทในพื้นที่ห่างไกล และประสบปัญหาในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์และทางเลือกด้านอาหารจำกัด ผู้สูงอายุที่จำเป็นจะได้รับประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทางการแพทย์มากที่สุด แต่น่าเสียดาย เป็นกลุ่มคนที่เข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลน้อยที่สุด
การแบ่งแยกทางดิจิทัลทำให้พวกเขาพลาดโอกาสต่างๆ เช่น การทำธุรกรรมทางการเงิน การซื้อสินค้าและบริการ ความบันเทิง นันทนาการ และการจัดส่งอาหาร เป็นต้น คนพิการกว่า 2 ล้านคนประสบปัญหาการเข้าถึงบริการดิจิทัลอย่างจำกัด คนไม่รู้หนังสือ ที่พลาดโอกาสในการทำงาน และครัวเรือนที่มีรายได้น้อยซึ่งประสบปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อและผลกระทบจากโรคระบาด
เยาวชนตกเป็นเหยื่อภัยคุกคามทางเพศทางออนไลน์
คนไทยกำลังเผชิญกับภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทางดิจิทัล แม้ว่าจะใช้อินเตอร์เน็ตโดยเฉลี่ย 9 ชั่วโมงต่อวัน และคาดว่าตัวเลขจะสูงขึ้น ในปี 2564 ในเวลาแค่เพียงปีเดียวมีวัยรุ่นไทย 400,000 คนตกเป็นเหยื่อของการล่วงละเมิดทางเพศทางออนไลน์ (ECPAT, 2022) คนไทยตกเป็นเหยื่อกลโกงแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ สูญเงิน 1.5 พันล้านบาท มีเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย 332 ราย ที่ถูกหลอกลวงจากเรื่องโรแมนซ์สแคม สูญเงินเกือบ 200 ล้านบาท ในเวลาเพียง 1 ปี เรายังพบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว คนไทยยังใช้เงินจ่ายป้องกันอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ตเพียง 100 บาทต่อคนต่อปี ในขณะที่ชาวสิงคโปร์ใช้มากถึง 4,200 บาทสำหรับ และ ชาวอังกฤษใช้ 3,200 บาท
ดีแทคชูจุดยืนดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ ผลักดันในวาระดิจิทัลของประเทศไทย ด้วยหัวใจสำคัญใน 3 เสาหลัก
1. SAFEGUARD ปกป้องผู้ใช้งาน ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และโลกของเรา
ดีแทคเดินหน้ายกระดับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และพนักงานของเรา รวมทั้งดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน
2. INCLUDE สร้างสังคมที่ทุกคนมีส่วนร่วม
ดีแทคมุ่งส่งเสริมความเท่าเทียม ผ่านการมอบบริการการเชื่อมต่อพื้นฐานที่ทุกคนเข้าถึงได้ สู่การสร้างโอกาสและความเป็นไปได้สำหรับประชากรหลายล้านราย
3. ADVANCE ยกระดับบริการการเชื่อมต่อสู่อนาคตดิจิทัล
ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยี ดีแทคไม่หยุดสร้างสรรค์นวัตกรรมและมองหาโอกาสใหม่ๆ อันจะนำมาซึ่งประโยชน์แก่ลูกค้า ธุรกิจต่างๆ และสังคมของเรา
SAFEGUARD ปกป้องผู้ใช้งาน ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และโลกของเรา
ดีแทคแนะนำให้ผู้ใช้งานดิจิทัลสร้างความสามารถในการรับมือกับภัยออนไลน์ทุกรุปแบบให้ได้ โดยเรียนรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในโลกไซเบอร์และระมัดระวังและป้องกันตัวเองจากอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ตเสมอ ในขณะที่ธุรกิจ เองก็ต้องสามารถสร้างความมั่นคงปลอดภัยทางดิจิทัลในองค์กรของคุณ
ด้วยภัยคุกคามทางไซเบอร์เหล่านี้ที่มุ่งเป้าไปที่ข้อมูลของผู้บริโภค ดีแทคตระหนักถึงบทบาทของเราในการปกป้องข้อมูลของลูกค้า เราจึงเปิดตัว dtac Safe และ dtac mobile security บริการใหม่เพื่อปกป้องลูกค้าและธุรกิจ SME จากภัยคุกคามทางไซเบอร์
dtac Safe ใช้การรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ จึงสามารถปกป้องผู้ใช้จากภัยคุกคามทางไซเบอร์ต่างๆ ในกรณีที่บริการตรวจพบความพยายามที่จะเข้าถึงเว็บไซต์หรือลิงก์ที่ไม่ปลอดภัย ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนทันทีและจะได้รับการปกป้องจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้น dtac Safe ยังมอบความสะดวกสบายสูงสุดให้กับลูกค้าด้วยการอัพเดทฐานข้อมูลระบบโดยอัตโนมัติ ลูกค้าจึงไม่ต้องคอยอัพเดทด้วยตนเอง ลูกค้าดีแทคสามารถดาวน์โหลดและทดลองใช้งานฟรีนาน 2 เดือน
นอกจากนี้ เนื่องจาก PDPA หรือ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ ดีแทคจึงพร้อมที่จะปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ เราจะรวบรวมความยินยอมของลูกค้าในช่องทางต่างๆ ก่อน เช่น แอปดีแทคและเว็บไซต์ ข้อมูลจะถูกเก็บไว้ภายใต้ความปลอดภัยสูงสุดโดยทีมรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของเรา และจะถูกใช้เพื่อจุดประสงค์ที่ได้รับแจ้งเท่านั้น ลูกค้าจึงสามารถวางใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของคุณคือสิ่งสำคัญที่สุดของเรา
INCLUDE สร้างสังคมที่ทุกคนมีส่วนร่วม
ดีแทคริเริ่มโมเดลธุรกิจภายใต้แนวคิด 'ธุรกิจเพื่อสังคมที่ดี' เพื่อตอบสนองความต้องการพิเศษและสร้างโอกาสทางธุรกิจ เราเชื่อว่าทุกคนควรเข้าถึงบริการมือถือ เราจึงเปิดตัวแคมเปญ dtac Beyond (dis)abilities เสนอ 3 บริการที่เหมาะสำหรับผู้พิการ (1) เราเสนอแพ็กเกจมือถือที่ออกแบบที่เข้าใจความต้องการใช้งาน ในราคาที่เข้าถึงได้ (2) dtac Net for Living จับมือกรมส่งเสริมศักยภาพคนพิการ จัดอบรม Digital Upskilling จำนวน 21 กลุ่มอาชีพ และศูนย์ฟื้นฟูอาชีวศึกษาสำหรับคนพิการทั่วประเทศ (3) เปิดบริการคอลเซ็นเตอร์ภาษามือ สำหรับผู้พิการทางการได้ยิน เพื่อช่วยตอบคำถามบริการมือถือและให้ความช่วยเหลือกับผู้พิการทุกคน เป็นศูนย์ข้อมูลบริการสาธารณะสำหรับหมายเลขฉุกเฉินและบริการสายด่วน ไม่ว่าพวกเขาจะใช้ผู้ให้บริการรายใด
ดีแทคเร่งเปลี่ยนตัวเอง เราลงทุนในดิจิทัลและเทคโนโลยีเพื่อทำให้การดำเนินธุรกิจให้คล่องตัวขึ้น โดยตั้งเป้าให้สามารถทำงานแบบออโตเมชัน 100% ภายในปี 2566 ให้พนักงานทุกคนที่แม้ว่าจะไม่มีทักษะด้านไอที สามารถนำโรบอตเข้ามาช่วยในกระบวนการทำงานที่ซ้ำซ้อน ด้วยเป้าหมายที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้เพิ่มขึ้น 25%
ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมอย่างหนึ่งคือ dtac Call Center ให้พนักงานของเราทำงานจาก ที่บ้านได้ ในขณะเดียวกันก็รับประกันความพึงพอใจของลูกค้าได้ การทำงานคอลล์เซ็นเตอร์มีหุ่นยนต์เข้ามาเป็นผู้ช่วยมือขวา ช่วยสมัครแพ็กเกจให้ลูกค้าได้รวดเร็วและแม่นยำ ทำให้เราทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เรามีเวลาเพิ่มขึ้นที่จะโทรออกไปรับฟังสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้มากขึ้น ดีแทคยังมีสไตล์การบริหารงานแบบ ‘tight-loose-tight ที่ผู้นำต้องให้อำนาจและอิสระพนักงานมากขึ้นในการตัดสินใจ เพื่อให้ทุกคนสามารถทำตามจุดมุ่งหมายที่วางไว้อย่างยืดหยุ่น แต่ในขณะเดียวกันก็ชัดเจนในเรื่องเป้าหมายและการวัดผล
ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 โรงงานชิ้นส่วนรถยนต์หลายแห่งทั่วโลกได้ค้นพบปัญหาที่นำไปสู่การขาดแคลนอุปทาน รวมถึง Daisin ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ชั้นนำของประเทศไทย ได้เลือกที่จะจัดการกับปัญหานี้โดยร่วมมือกับดีแทคในการนำ 5G และ IoT มาใช้ และเปลี่ยนเป็นโรงงานอัจฉริยะเพื่ออำนวยความสะดวกในการพัฒนาโรงงานอื่นๆ ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
ทั้งหมดนี้คือหัวใจสำคัญที่ดีแทค ในฐานะผู้ให้บริการโทรคมนาคม จะช่วยขับเคลื่อนวาระดิจิทัลของประเทศไทยให้ ดีทั่วดีถึง ดีไปด้วยกันทุกคน