นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าทั่วไป บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวในงานสัมมนา Thailand Economic Outlook 2023 จัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ หัวข้อ Digital Business : Next Opportunity ว่าธุรกิจดิจิทัลต้องการโครงข่ายพื้นฐานทั้งมีสาย และไร้สาย ซึ่งไทยมีความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานเทียบเคียงต่างประเทศ หรือล้ำหน้ากว่าประเทศในภูมิภาค
โดยส่วนของไร้สาย 5G ไทยรองประเทศจีน ส่วนมีสายเข้าถึงประชากรครอบคลุมมากขึ้น ทั้งนี้จะเห็นได้จากอีคอมเมิร์ซเติบโตเร็วมาก การใช้แอปพลิเคชันเติบโตเร็ว เพราะโครงข่ายมีความพร้อม คนไทยมีสมาร์ทโฟนมากกว่า 1 เครื่อง โดยคนเฉพาะคนในเมืองมีสมาร์ทโฟนประมาณ 2 เครื่อง
“ยุคดิจิทัลเป็นโอกาสของเอไอเอส อีคอมเมิร์ซเติบโต บริษัทใหญ่ต้องการทรานฟอร์มไปสู่ดิจิทัลสู่โลกยุคใหม่ ส่วนความท้าทายธุรกิจโครงข่าย ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานคือการใช้เงินลงทุนสูง และหยุดลงทุนไม่ได้ โดยมีการลงทุนโครงข่ายปีละ 3 หมื่นล้าน และค่าคลื่นความถี่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ต้องการเงินเข้ามาลงทุน ในขณะที่บริการลดลง ผลตอบแทน และกำไรจากค่าบริการลดลง โดยวันนี้ราคาค่าบริการเราแพ้แค่ประเทศอินเดีย
สำหรับยุทธศาสตร์ของเอไอเอส กลับมาอยู่บนโครงสร้างพื้นฐาน 5G โดยขณะนี้มีครอบคลุมการให้บริการ 80% ทั่วประเทศ คาดว่าในปีหน้าครอบคลุมทั้งหมดทั่วประเทศ ส่วนไฟเบอร์ ต้องขยายแบบเขย่งก้าวกระโดดให้ครอบคลุมมากขึ้น
“ที่ผ่านมาธุรกิจให้บริการโครงข่ายมีการแข่งขันรุนแรง แข่งกันคุณภาพ โดยโครงข่ายโทรคมนาคมของไทยถือว่าดีมาก เมื่อเทียบกับต่างประเทศ และมีราคาถูกกว่า”
อีกหนึ่งยุทธศาสตร์ที่สำคัญของเอไอเอส คือ เป็นแพลตฟอร์มทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ เติบโตไปพร้อมลูกค้า และพาร์ทเนอร์ โดยเอไอเอสมีผู้ใช้บริการ 40 ล้านราย หรือ ประมาณครึ่งประเทศ โดบโลกยุคใหม่อีโคซิสเต็มส์ พาร์ทเนอร์เป็นสิ่งสำคัญ