ในทรรศนะของ แซม อัลท์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท โอเพ่นเอไอ (OpenAI) ผู้พัฒนาแชทบ็อทอัจฉริยะ “ChatGPT” ที่ทรงประสิทธิภาพ ถามอะไรตอบได้ ให้ทำงานแทนมนุษย์ก็ได้หลากหลาย ประการ เช่นการสร้างข้อความ ภาพ หรือวิดีโอ จากข้อมูลที่มันได้เรียนรู้ด้วยตัวเองผ่านระบบ Machine Learning ว่า มีอยู่ 3 สาขาอาชีพ ที่เขาเห็นว่า จะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากความก้าวหน้าของ ChatGPT ที่จนถึงขณะนี้ พัฒนามาถึง GPT4 หรือเวอร์ชัน 4.0 ที่เป็นเวอร์ชันล่าสุด
อัลท์แมนกล่าวในรายการ Unconfused Me ซึ่งเป็นรายการประเภทพอดแคสต์ จัดโดยพิธีกรคนดังระดับมหาเศรษฐีโลกอย่างนายบิล เกตส์ ว่า อาชีพโปรแกรมเมอร์จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้งาน ChatGPT ที่สามารถช่วยงานเขียนโค้ด (Coding) เขียนโปรแกรมที่ยุ่งยากซับซ้อนจากที่เคยต้องเขียนเป็นชั่วโมงๆ ลดลงมาเหลือเพียงไม่กี่นาที หรือพูดง่ายๆ คือ อัลท์แมนกล่าวว่า บรรดาโปรแกรมเมอร์จะสามารถใช้ ChatGPT ทำงานได้เร็วขึ้นถึงสามเท่า นอกจากช่วยเขียนโค้ดแล้ว มันยังสามารถช่วยตรวจทานหาจุดบกพร่องหรือจุดที่ควรต้องแก้ไขในงานเขียนรหัสที่ทำเสร็จแล้ว สามารถเขียนชุดทดสอบ รวมทั้งตอบคำถามข้อข้องใจต่างๆของโปรแกรมเมอร์
แม้มันจะไม่สามารถเข้ามาทำงานแทนมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ แต่มันสามารถ “ช่วย” (assist) ให้โปรแกรมเมอร์ทำงานได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น และเร็วขึ้น ทั้งนี้ GPT4 ซึ่งเป็นเวอร์ชันใหม่ล่าสุด เปิดตัวปลายปีที่แล้ว ช่วยทำงานได้ดีและได้เร็วขึ้น แม้ว่าโปรแกรมเมอร์ยังคงต้องตรวจสอบผลงานของแชทบอทอีกทีก็ตามเพื่อความรอบคอบ
“การที่โปรแกรมเมอร์ทำงานเสร็จได้เร็วขึ้น ก็หมายความว่าพวกเขาจะมีเวลามากขึ้นสำหรับงานสร้างสรรค์ด้านอื่นๆ”
ปัจจุบันนี้ AI สามารถช่วยงานครูผู้สอนในการเขียนแผนการสอน ออกแบบหลักสูตรการศึกษา หรือแม้กระทั่งเขียนแผนการเรียนการสอนตอบโจทย์ความต้องการของนักเรียนหรือนักศึกษารายบุคคล นอกจากนี้ ยังช่วยประหยัดเวลาให้บรรดาคุณครูเกี่ยวกับงานด้านบริหารจัดการหลายอย่างในห้องเรียน เช่น การติดตามตรวจสอบประวัติการเข้าเรียนของนักเรียนแต่ละคน หรือส่งข้อความเตือนความจำถึงนักเรียน/นักศึกษาเกี่ยวกับการบ้านหรืองานที่ได้รับมอบหมาย
นอกจากนี้ AI อย่าง ChatGPT ยังอาจเป็นประโยชน์อย่างมากในการช่วยการเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ ซึ่งเรื่องนี้สอดคล้องกับทรรศนะของนายบิล เกตส์ที่มองว่า ChatGPT สามารถช่วยงานมนุษย์ในฐานะครูผู้ช่วย หรือครูพิเศษ (ติวเตอร์) ด้านใดด้านหนึ่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทห่างไกลที่ขาดแคลนบุคลากรครู ในปีที่แล้ว เกตส์คาดการณ์ว่า AI จะเข้ามาช่วยงานทำให้นักเรียนสามารถอ่านออก-เขียนได้ ได้เร็วขึ้น ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความกังวลในหมู่นักการศึกษาที่ว่า ChatGPT อาจถูกนำมาใช้ในทางผิดๆ เช่น ใช้โกงข้อสอบหรือการบ้านที่ได้รับมอบหมาย แม้ในขณะนี้ ยังไม่มีงานวิจัยที่พบว่า มีการโกงข้อสอบมากขึ้นหลังมีการนำ ChatGPT มาใช้ แต่สิ่งหนึ่งที่นักวิจัยเตือนมาก็คือ AI ยังสามารถตอบผิดพลาดได้ ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองรวมทั้งคุณครูที่สนับสนุนการใช้ ChatGPT ในการเรียนการสอน ต้องกำชับนักเรียน/นักศึกษาเสมอว่า อย่าเชื่อใจหรือพึ่งพา AI มากจนเกินไป อย่างน้อยต้องมีการตรวจทานผลงานของ AI ด้วย ว่าถูกต้องสมบูรณ์หรือไม่
นี่เป็นสาขาอาชีพที่สาม ที่อัลท์แมนมองว่าจะได้ประโยชน์มากที่สุดจากการนำ ChatGPT มาใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการทดสอบนำข้อสอบสำหรับผู้ต้องการใบรับรองประกอบวิชาชีพแพทย์ (U.S. Medical Licensing Exam) ในสหรัฐมาให้ ChatGPT ทำ และมันสามารถสอบผ่านมาได้ แต่กระนั้นก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า แชทบอทยอดนิยมนี้จะสามารถเข้ามาทำงานแทนที่หมอ เพราะมันยังสามารถทำข้อผิดพลาด แต่ชีวิตของผู้ป่วยนั้น ไม่เปิดช่องให้สำหรับความผิดพลาด ดังนั้น มันสามารถทำ “หน้าที่ผู้ช่วย” ให้คุณหมอสามารถลดเวลาหรือประหยัดเวลาในการทำภารกิจบางอย่าง เช่นงานด้านเอกสารที่ต้องใช้เวลามาก หรืองานเอกสารที่เกี่ยวข้องกับประกันสุขภาพ เป็นต้น
นอกจากนี้ ChatGPT ยังเป็นประโยชน์ในการช่วยงานวิเคราะห์วิจัยและสรุปประวัติการรักษาของผู้ป่วย ส่วนงานบริการที่ระบบ AI ถนัดที่สุด คือการตอบคำถามที่ผู้ป่วยหรือผู้คนที่ไม่สบาย มักถามบ่อยๆ
นอกจากช่วยงานบุคลากรทางการแพทย์แล้ว บริษัทผู้ผลิตยาบางรายยังนำ AI อย่าง ChatGPT มาใช้ในการพัฒนาตัวยาใหม่ๆอีกด้วย
นอกจากนี้ มูลนิธิที่ต้องทำงานด้านสุขภาพประชาชนอย่างเช่น มูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ ของมหาเศรษฐีบิล เกตส์ ยังยอมรับว่า ทางมูลนิธินำ AI มาใช้เป็นเครื่องมือในการช่วยแก้ไขปัญหาด้านสาธารณสุขในประเทศยากจน ซึ่งรวมถึงปัญหาเกี่ยวกับโรคเอดส์ วัณโรค และมาลาเรีย
“ผมคิดว่าในระยะ 5-10 ปีข้างหน้า เราจะได้เห็นกราฟการนำ AI มาใช้ประโยชน์ที่พุ่งขึ้นอย่างมาก สิ่งที่เห็นขณะนี้เป็นเพียงขั้นเริ่มต้นเท่านั้น” อัลท์แมนกล่าวและว่า AI ในอนาคตจะฉลาดและอัจฉริยะมากกว่านี้อีกหลายเท่า เพราะสิ่งที่เราเห็นในปัจจุบัน ถือเป็นเวอร์ชันที่ “โง่ที่สุด” ของปัญญาประดิษฐ์เท่านั้น