จากกรณีที่ ผู้ช่วยศาตราจารย์ ดร.ภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ อดีตรองเลขาธิการ กสทช. และ อดีตรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ได้ส่งหนังสือถึง คณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา หรือ กมธ.ไอซีที โดยขอให้วุฒิสภาดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของ ศาสตราจารย์คลินิกสรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช.
ต่อมาเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 กมธ. ไอซีที ได้ส่งเรื่องรายงานผลการพิจารณาและลงมติสรุปแล้วว่า ศาสตราจารย์คลินิก สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการ กสทช. เป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 มาตรา 7 ข. (12) มาตรา 8 มาตรา 18 มาตรา 20 และมาตรา 26 ไปยัง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา แล้ว เพื่อให้ประธานวุฒิสภานำเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ให้นำความกราบบังคมทูล เพื่อมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่ง โดยหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายต่อไป
ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฏร หรือ ส.ส. พิจารณารายงานผลการดำเนินการของ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ประจำปี 2566 แต่ยังคงมีประเด็นที่ ส.ส.ได้หยิบยกขึ้นมาอภิปราย คือ การดำรงตำแหน่งของ นายแพทย์สรณ ว่าได้เข้าข่ายขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม ตามกฎหมาย
ขณะที่ ศาสตราจารย์คลินิก สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการ กสทช. ได้ชี้แจงว่า การชี้แจงครั้งนี้เป็นการชี้แจงตามที่กำหนดในกฎหมาย และ ผลการปฏิบัติงานก็ปรากฎในรายงานที่ส่งมา เรื่องรายงานของ คณะกรรมาธิการของวุฒิสภาที่อ้างถึงคุณสมบัติ นั้นจัดทำโดยผู้ที่ไม่มีอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมาย และ เป็นรายงานที่เกิดจากการให้ร้ายมีความลำเอียง บิดเบือน ไม่เป็นกลาง และ ท่านประธาณวุฒิสภา (นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา) ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับรายงานฉบับนั้น และ ไม่ได้ดำเนินการอย่างไรต่อ และ เรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นวาระด้วยเช่นกัน
ในความจริง ผมได้ลาออกผมจากการเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยมหิดลตั้งแต่ วันที่ 6 มกราคม 2565 แล ะได้แสดงหลักฐานว่าได้ลาออกแล้วต่อ ประธานวุฒิสภา เรียบร้อยแล้ว ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 18
และตั้งแต่ผมได้รับการโปรดเกล้า ให้ดำรงตำแหน่ง ประธาน กสทช. ไม่เคยขาดคุณสมบัติ ทำงานเต็มเวลา ไม่เคยเป็นกรรมการบริษัทเอกชน หรือ องค์กรไหนเลย
การประกอบวิชาชีพแพทย์ในการช่วยชีวิตและลดความเจ็บป่วย เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพ และ ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือ มีผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่ได้เบียดเบียนเวลาของการปฏิบัติงานในตำแหน่ง ประธาน กสทช.