เปิดนโยบายท่องเที่ยว 7 พรรค ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ

01 พ.ค. 2566 | 04:58 น.
อัปเดตล่าสุด :01 พ.ค. 2566 | 05:21 น.

เปิดนโยบายท่องเที่ยว 7 พรรค ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภูมิใจไทย พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ก้าวไกล แก้กม.ล้าหลัง เพื่อไทย ชู 1 อำเภอ 1 แลนด์มาร์กใหม่ รวมไทยสร้างชาติ ดันต่อเราเที่ยวด้วยกัน พลังประชารัฐ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ประชาธิปัตย์ ป้องธุรกิจไทย “ชาติไทยพัฒนา” ดันตั้งกองทุน

“ภูมิใจไทย” พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษด้านการท่องเที่ยว ใน 4 พื้นที่ ดึงต่างชาติช้อปปิ้งในไทย

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ตามที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กำหนดว่าในปี 2570 ไทยควรจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็น 25% ของจีดีพี หรือราว 5.7-6 ล้านล้านบาท

สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องกระจายรายได้สู่ชุมชนให้ได้ ต้องรีสกิล-อัพสกิล แนะนำแหล่งท่องเที่ยวในชุมชน รวมถึงทำการท่องเที่ยวในลักษณะ BCG โยงเข้าสู่ความยั่งยืน เพื่อเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาถึง 80 ล้านคนในปี 2570

พิพัฒน์ รัชกิจประการ

Soft power เป็นแรงดึงดูดที่ดีที่สุดในการท่องเที่ยวของไทย ขณะที่การฟื้นฟูและดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวไทย หากพรรคภูมิใจไทยได้เป็นรัฐบาลก็จะพัฒนาพื้นที่ในภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี และหาดใหญ่ สงขลา ประกาศให้เป็นพื้นที่พิเศษสำหรับการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ กำหนดพื้นที่ฟรีเทรด ดึงนักช้อปปิ้งมาเที่ยวและช้อปปิ้งในไทย รวมถึงส่งเสริมท่องเที่ยวชายฝั่ง 5 คลัสเตอร์ตั้งแต่ภาคตะวันออกไปถึงภาคใต้

“ก้าวไกล” เน้นแก้กม.ล้าหลัง

นายวรภพ วิริยะโรจน์ ตัวแทน พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่าเราตั้งเป้าหมายให้ไทยเป็นสถานที่ที่เที่ยวได้ตลอดชีวิต อาทิ เที่ยวหลังเกษียณอายุ เที่ยวในครอบครัว ยกระดับการท่องเที่ยวไทยได้อีกสูงมากเน้น 3 เรื่องหลักที่ต้องเร่งแก้ไข ได้แก่

1.การแก้กฎหมายที่ล้าสมัย “กิโยติน กฎหมาย” เพื่อสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขัน อาทิ กฎหมายโรงแรมขนาดเล็ก

2.การกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นเป็นผู้กำหนดนโยบายในระดับปฏิบัติการเอง อาทิ กำหนดเวลาเปิดสถานบันเทิงถึง 02.00 น. ทั้งๆ ที่เมืองท่องเที่ยวไม่เหมาะสมที่จะปิดในเวลาเดียวกัน

 3.การสร้างงาน สร้างอุตสาหกรรม ที่สอดคล้องกับภาคการท่องเที่ยว

วรภพ วิริยะโรจน์

“พลังประชารัฐ” หนุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

นายอุตตม สาวนายน ประธานคณะกรรมการจัดทำนโยบาย พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พรรคฯวาง 8 นโยบายเพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจให้โตยั่งยืน อาทิ ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก ส่งเสริมภาคเกษตร และวิสาหกิจชุมชน พร้อมเชื่อมโยงเข้ากับภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว ยกเครื่องภาคอุตสาหกรรมเดิม สร้างเศรษฐกิจใหม่สู่อุตสาหกรรม S-curve เร่งพัฒนาพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะอีอีซี ให้ทั่วทุกภาค ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทั้งถนน ราง ทางน้ำ และอากาศ

อุตตม สาวนายน

“รวมไทยสร้างชาติ” ดันต่อเราเที่ยวด้วยกัน ต่อยอด อีอีซี

สำหรับนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แถลงว่านโยบายใหญ่ของพรรคจะหาเงินเข้าประเทศ 4 ล้านล้านบาท จะทำให้เศรษฐกิจโตปีละ 5% รายได้ต่อคนเพิ่มขึ้นปีละ 20,0000 บาท สามารถสร้างงานเพิ่มได้ 6.25 แสนตำแหน่ง ต่อยอดไอเดีย EEC เพิ่มระเบียงเศรษฐกิจอีก 4 ภาค

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ส่วนนโยบายการท่องเที่ยว ได้ออกวีซ่าระยะยาว 10 ปี เพื่อเชื้อเชิญชาวต่างชาติที่มีศักยภาพให้มาลงทุน ให้มากินอยู่ และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับคนไทย ส่วนนี้ก็จะเป็นเม็ดเงินใหม่ที่จะเอาเข้ามาในประเทศ และก็เพิ่มโอกาสของประเทศในการเข้าสู้เวทีโลกอีกด้วย และจะเดินหน้าโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน”ต่อด้วย

“ประชาธิปัตย์” ปกป้องธุรกิจคนไทย

นางสาวพิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ตัวแทน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เราต้องเป็นผู้สนับสนุนภาคการท่องเที่ยว ไม่ควรออกกฎกติกาใดที่ไม่เอื้อต่อภาคธุรกิจ ต้องรับฟังภาคเอกชน และความน่ากังวลที่สำคัญเป็นเรื่องทุนจีนที่เข้ามาลงทุนในไทย แต่เปลี่ยนรูปแบบไปจากเดิม

จากเคยเข้ามาลงทุนเพื่อบริหารแล้วส่งต่อให้จากรุ่นสู่รุ่นเป็นธุรกิจครอบครัวอาศัยอยู่ในประเทศเหมือนที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันทุนจีนเข้ามาซื้อโรงแรมหรืออสังหาริมทรัพย์แบบซื้อขาด และนำเงินที่ได้จากการประกอบธุรกิจกลับประเทศต้นทางไป

พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล

ทำให้เราต้องออกโรงในการป้องกันเรื่องเหล่านี้ให้เข้มแข็งมากที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าธุรกิจภาคการท่องเที่ยวไทยยังเป็นของคนไทย นอกจากนี้ยังมีนโยบายแยกกระทรวงการท่องเที่ยว ออกจากกีฬา เพราะถือเป็นคนละประเภท ทั้งยังมองว่าไทยควรพัฒนา OTA ที่เป็นของคนไทยเอง

อาทิ แอพพลิเคชั่นเป๋าตัง ผนวกกับฐานข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมด นำมาพัฒนารวมกันเพื่อให้เกิด OTA ของไทย จะช่วยสร้างความยั่งยืนต่อไปในอนาคตได้ แม้ต้องใช้เวลาสักระยะก็ตาม เพราะทางออกของประเทศไทยคือ ภาคการท่องเที่ยว

“เพื่อไทย” ชู 1 อำเภอ 1 แลนด์มาร์กใหม่ท่องเที่ยว

นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ตัวแทนพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นโยบายของพรรคฯคือ “ทวงคืนจุดยืนของภาคท่องเที่ยวไทยในตลาดโลก” ท่องเที่ยวไทยไม่ควร “กินบุญเก่า” ต้องสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมา ด้วยการเพิ่มโซนธุรกิจ “1 อำเภอ 1 แลนด์มาร์กใหม่” การก่อตั้ง “ธนาคารท่องเที่ยว” ให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเข้าถึงแหล่งเงินทุนนำไปพลิกฟื้นธุรกิจ กลยุทธ์ “ทะเล 5 สี”

จักรพล ตั้งสุทธิธรรม

เช่น ทะเลสีแดง พัฒนาการแข่งขันเชิงคุณภาพ ไม่ใช่ราคา, ทะเลสีเขียว ส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ดูแลสิ่งแวดล้อม และ ทะเลสีรุ้ง ส่งเสริมการดึงนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ รวมถึงกลุ่มที่มีศักยภาพอื่นๆ อย่างดิจิทัลนอแมด และกลุ่มเดินทางตามรอยภาพยนตร์และซีรีส์

“ชาติไทยพัฒนา” ตั้งกองทุนท่องเที่ยว

นายสัมพันธ์ แป้นพัฒน์ ตัวแทน พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า สโลแกนพัฒนาท่องเที่ยวของพรรคฯคือ “ท่องเที่ยวไทยยั่งยืน ฟื้นคืนสมดุลทุกภาคส่วน” ได้แก่ 1.ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองและชุมชน 2. ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 3. ยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 4.ส่งเสริมท่องเที่ยวตลาดที่มีศักยภาพ เช่น ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ,ไมซ์ 5.ตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ประกอบการยามวิกฤติ

สัมพันธ์ แป้นพัฒน์