เดินเครื่อง ผุด 5นโยบายเพิ่มรายได้ประเทศ ทั้ง "ต่างประเทศ-เกษตร-เข้าถึงแหล่งทุน-พลังงาน-ท่องเที่ยว” เน้นทำงานต่อเนื่องหาช่องทางสร้างรายได้ใหม่ให้ประเทศ
รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการ ด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ได้นัดประชุมทีมเศรษฐกิจ ในวันพรุ่งนี้(21 กรกฎาคม 2566) เวลา 10.00 น. เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดทำนโยบายรัฐบาล ภายหลังพรรคเพื่อไทยกลายมาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล
ทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ที่จะเข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมการ , นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองประธานกรรมการ, นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ที่ปรึกษาฯ , นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษาฯ, นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษาฯ และคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ มีการประชุมหารือเดินหน้าการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อหาแนวทางในการสร้างรายได้ใหม่ให้กับประเทศในด้านต่างๆ
การประชุมครั้งนี้คาดว่าจะมีการนำนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ได้กำหนดไว้ 12 กลุ่ม 70 นโยบายขึ้นมาหารือ เพื่อจัดลำดับความสำคัญว่าหากพรรคได้เข้าเป็นไปรัฐบาลแล้วมีนโยบายเร่งด่วน นโยบายระยะสั้น นโยบายระยะปานกลางและระยะยาวอะไรบ้างที่ต้องดำเนินการ โดยนโยบายเร่งด่วนของพรรคจะเน้นไปในเรื่องของการแก้ปัญหาปากท้องประชาชน
สำหรับ 12 กลุ่มนโยบายของพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2566 ทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ได้มีการประชุมหารือเดินหน้าการทำงาน เพื่อหาแนวทางในการสร้างรายได้ใหม่ให้กับประเทศในด้านต่างๆ แบ่งออกเป็น5นโยบายหลักสำคัญ ในการเดินหน้าประเทศไทย ประกอบด้วย
“ด้านการต่างประเทศ” ได้พิจารณาการสร้างความเชื่อมั่นและบทบาทของประเทศไทยบนเวทีโลก การอำนวยความสะดวกด้านการศุลกากรแบบไร้รอยต่อ การเจรจาความตกลงการค้าเสรี ไม่ว่าจะเป็นไทย-EU ไทย-EFTA ไทย-GCC ไทย-UK และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) และการรับมือนโยบายเน้นการบริโภคภายในของประเทศจีน และการหาตลาดใหม่ในประเทศที่มีประชากรมากแต่ปริมาณการค้ากับไทยยังน้อย เช่น ประเทศไนจีเรีย และความท้าทายภาคธุรกิจไทยและโอกาสใน BIMSTEC
“ด้านภาวะหนี้และการเข้าถึงแหล่งทุน” มีการหารือ 3 ปัญหาสำคัญที่ทำให้ภาคเอกชนเข้าไม่ถึงแหล่งทุน คือ 1.การขาดหลักประกันที่ตรงกับความต้องการของสถาบันการเงิน 2.การมีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี และ 3.แนวทางประกอบธุรกิจไม่ตอบโจทย์ นอกจากนั้นยังมีความกังวลกับภาวะหนี้เสียของภาคเอกชนที่เป็นระเบิดเวลาที่จะเป็นปัญหาในระยะถัดไป
“ด้านการเกษตร” เป็นการหารือแนวทางปฏิบัติต่อเนื่องจากแนวนโยบายของพรรค ไม่ว่าจะเป็นการใช้ตลาดนำการผลิต การเพิ่มผลิตภาพของภาคการเกษตร การขยายพื้นที่ชลประทาน และการปรับพื้นที่เพาะปลูกให้ตรงกับความต้องการของตลาด รวมถึงการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินบนเงื่อนไขการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ใหม่ให้กับประชาชนจากสินทรัพย์ที่ถูกมองข้าม
“ด้านพลังงาน” โดยเฉพาะเรื่องราคาพลังงาน ที่ประชุมเห็นว่าเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนจะมีการขยายเวลายกเว้นการเก็บภาษีน้ำมันดีเซล ลิตรละ 5 บาท รวมถึงการปรับโครงสร้างพลังงานเพื่อแก้ไขปัญหาราคาพลังงานในระยะกลาง-ยาว โดยยึดหลักความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
“ด้านการท่องเที่ยว” ได้หารือเกี่ยวกับการเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูงผ่านวีซ่าแบบเดินทาง เข้า-ออกหลายครั้ง (Multiple Entry Visa) การสร้างแรงจูงใจเพื่อเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวแบบพักพิงระยะยาว ผู้สูงอายุ และการดึงดูดนักท่องเที่ยวเอเชียใต้ รวมถึงการแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว