หลังจาก นายทักษิณ ชินวัตร ประกาศเลื่อนแผนการเดินทางกลับประเทศไทยออกไปอีกไม่เกิน 2สัปดาห์ พร้อมให้เหตุผลว่าหมอนัดตรวจร่างกาย โดยเจ้าตัวได้เป็นผู้ทวิตข้อความ แจ้งข่าวด้วยตนเองผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว Thaksin Shinawatra
นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช. เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจต่อกรณีนายทักษิณ เลื่อนกลับไทยว่า ตนและนายชูวิทย์รู้ตั้งแต่แรกว่านายทักษิณจะไม่กลับ เพราะนายทักษิณจะกลับประเทศไทยด้วยความเชื่อเดิม และวิธีการเดิม คือการกลับบ้านอย่างเท่ๆ ซึ่งหมายถึงการไม่ยอมติดคุก
เพราะหากนายทักษิณพร้อมติดคุกจริง จะไม่มีการประกาศถึง 21 ครั้ง เนื่องจากใช้วิธีการดีลจึงได้รับข่าวดีในช่วงแรก แต่สุดท้ายจะเป็นข่าวร้าย เพราะไม่มีวิธีการใดที่จะทำให้นายทักษิณไม่ต้องติดคุกได้ เนื่องจากศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกไปแล้ว
นายจตุพรเล่าถึงสาเหตุที่นายทักษิณ จะไม่ยอมติดคุกเนื่องจากมีความเชื่อว่า หากตนเองเข้าคุกจะถูกผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ประกาศสงครามกับยาเสพติด และเหตุการกรือเซะ ตากใบ ฆ่านายทักษิณในคุก
ตนเองเคยแนะนำนายทักษิณ ให้เดินทางไปฟังคำพิพากษาคดีที่ดินรัชดาอย่างสง่างาม หากต้องเดินเข้าคุก ก็เข้าคุกอย่างยิ่งใหญ่ แล้วคุกจะเล็กกว่านายทักษิณ คุกจะแตก ประชาธิปไตยจะยิ่งใหญ่เป็นนิรันด์
แต่นายทักษิณไม่เลือกทางนั้น เพราะกลัวตาย จึงตัดสินใจหนีไป ดังนั้นการกลับมาต้องไม่ติดคุก นายทักษิณจึงใช้วิธีการดีล เพื่อกลับประเทศไทย โดยวิธีนี้จะได้รับข่าวดีในช่วงแรก แต่สุดท้ายจะเป็นข่าวร้ายเพราะไม่สามารถมีวิธีการใดจะช่วยให้นายทักษิณไม่ติดคุกได้
เนื่องจากการขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะตัวจากคดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตกระทำผิดต่อหน้าที่นั้นไม่เคยปรากฏมาก่อน และการพระราชทานอภัยโทษเป็นกลุ่มโดยการออกพระราชกฤษฎีกานั้น ในบางปีก็ไม่มี เช่นในปีนี้ก็ไม่มี ดังนั้นจึงเชื่อว่า นายทักษิณจะไม่เดินทางกลับประเทศไทย
นายจตุพรเล่าย้อนเหตุการณ์ ประกาศกลับบ้านของนายทักษิณครั้งนี้ ซึ่งแตกต่างจากทุกครั้งตรงที่ มอบหมายให้บุตรสาว นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง เป็นผู้แจ้งกำหนดการ ซึ่งอุ๊งอิ๊ง ต้องออกมาพูดถึง 2 ครั้ง
ครั้งแรกแจ้งการเลื่อนกลับเพราะการเมืองยังไม่นิ่ง จากที่นายทักษิณเคยระบุว่าจะกลับก่อนวันเกิด และอีกครั้งในวันเกิดของนายทักษิณ ว่าคุณพ่อจะกลับวันที่ 10 ส.ค. ลงสนามบินดอนเมืองในเวลา 10.00 น.
นายจตุพรวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมือง หลังจากวันที่ 16 ส.ค. 2566 ว่า ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีผลการพิจารณาออกมาอย่างไรก็ตาม แต่เชื่อว่าจะยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แม้อาจจะโหวตนายกฯได้แล้วก็ตาม ดังนั้นอีก 2 สัปดาห์นายทักษิณก็จะยังไม่กลับโดยอ้างเหตุทางสุขภาพเช่นเดิม
เมื่อสถานการณ์ผ่านไปความเชื่อเรื่องนายทักษิณกลับบ้าน และการจัดตั้งรัฐบาลจะลดน้อยถอยลงตามลำดับ เพราะทั้ง 2 ส่วนนี้มีความเชื่อมโยงถึงกันในเชิงจิตวิทยา ว่าบ้านก็ได้กลับ รัฐบาลก็ได้จัด
จึงได้เห็นคนบินไปพบที่ฮ่องกง และการชิมมิ้นต์ช็อกกัน แต่เมื่อประกาศสลัดมือกับพรรคก้าวไกลแล้ว อำนาจการต่อรองของพรรคเพื่อไทยจะหายไป กลายเป็นพรรคที่ต้องง้อพรรคการเมืองฝั่ง 188 เสียง และหากเป็นการจัดตั้งรัฐบาลแบบไม่มีก้าวไกล ไม่มีลุง ยิ่งต้องใช้เสียงสว.ในการโหวตจำนวนมาก ซึ่งไม่มีความเป็นไปได้
ในช่วงท้าย นายจตุพรกล่าวว่า หากพรรคเพื่อไทยต้องเอื้อมมือไปจับกับพรรคประชาธิปัตย์ คำถามคือประวัติศาสตร์การต่อสู้ที่มีความตาย 100 ราย บาดเจ็บ 2,000 ราย และสูญสิ้นอิสนะภาพนับไม่ถ้วน ประชาชนจะรับการกระทำของพรรคเพื่อไทยไหวหรือ
สุดท้ายพรรคเพื่อไทยก็จะไม่ได้เก้าอี้นายกรัฐมนตรีเสียด้วยซ้ำ เข้าตำราหายทั้งโซ่ หายทั้งลิง หายทั้งประชาชน