“หมอมิ้ง” ผ่าตัดนโยบายเพื่อไทย ปั้นเศรษฐกิจใหม่-มัดใจเกษตรกร

08 มี.ค. 2566 | 23:01 น.
อัปเดตล่าสุด :09 มี.ค. 2566 | 00:32 น.

บทสัมภาษณ์หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย “หมอมิ้ง ” น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ผ่าตัดนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง 2566 ประกาศปั้นเศรษฐกิจใหม่ พร้อมมัดใจเกษตรกรมีเฮ

ใกล้งวดเข้าไปทุกทีกับศึกเลือกตั้งครั้งใหม่ 2566 พรรคใหญ่ต่างระดมสมอง ประชันนโยบายมัดใจคนไทยผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยเฉพาะบรรดาพรรคการเมืองแม่เหล็ก ล่าสุดได้ผุดนโยบายออกมาสารพัด หวังโกยคะแนนเสียงในยกแรก ก่อนที่รัฐบาลจะประกาศยุบสภาอย่างเป็นทางการในช่วงเวลาอีกไม่กี่อึดใจนับจากนี้

พรรคหนึ่งที่งัดนโยบายออกมาสร้างความหวือหวาทุกครั้งหนีไม่พ้น พรรคเพื่อไทย ไม่นานมานี้พรรคเพื่อไทยได้ประกาศสู้ศึกเลือกตั้งใหญ่ด้วยการตั้งทีมขุนพลด้านเศรษฐกิจของพรรค นั่นคือ คณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ นำโดย “หมอมิ้ง ” น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นประธาน พร้อม 4 กุนซือมือเศรษฐกิจ อย่าง พันศักดิ์ วิญญรัตน์ - เศรษฐา ทวีสิน - ศุภวุฒิ สายเชื้อ และ ปานปรีย์ พหิทธานุกร

รวมไปถึงทีมเศรษฐกิจเดิมของพรรค ผสมผสานคนรุ่นใหม่ ร่วมกันร่างนโยบายด้านเศรษฐกิจภายใต้ตั้งเป้าหมาย “แลนด์สไลด์” โดยการจัดทำนโยบายสำคัญทั้งหมดนั้น “ฐานเศรษฐกิจ” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พร้อมประกาศนโยบายก๊อกแรก ฟื้นเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ แก้ปัญหาปากท้อง และวางรากฐานรองรับอนาคตที่กำลังเปลี่ยนโฉมประเทศไปจากเดิม

 

“หมอมิ้ง ” น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย

ทยอยดันนโยบายเศรษฐกิจ

น.พ.พรหมินทร์ บอกกับเราว่า พรรคเพื่อไทยเข้าใจปัญหาทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นกับประเทศไทย และพร้อมปลดล็อกทุกเรื่องเพื่อให้ประเทศไทยดีขึ้นกว่าเดิม ตามนโยบายพูดแล้วทำ อย่างที่เคยทำมาให้เห็นแล้วในอดีต

นโยบายต่าง ๆ แม้จะทยอยประกาศออกมาบ้าง แต่ก็ยังเก็บไม้เด็ดเอาไว้อีกหลายเรื่อง แต่เบื้องต้นนโยบายชุดแรกนั้นจะเน้นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะเรื่องการจัดการ เพื่อพาประเทศให้รอดพ้นท่ามกลางภาวะสงครามที่เกิดขึ้นในขณะนี้

“หน้าที่ของคณะกรรมการชุดนี้ ต้องไปรับทราบสภาพต่าง ๆที่เกิดขึ้นทั่วโลก และไประดมเอาช่องทางต่าง ๆ มาทำนโยบายฟื้นเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ โดยพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคแรก ๆ ที่พูดถึงเรื่องการสร้างรายได้ใหม่ที่ไม่ใช่รายได้เดิม ๆ เพื่อแก้หนี้สิน รวมทั้งการหาทางฝ่าวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นเหมือนที่เคยผ่านวิกฤตหลายอย่างมาก่อนหน้านี้”

“หมอมิ้ง ” น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย

จัดการประตูท่องเที่ยวใหม่

สำหรับสิ่งแรกในนโยบายระยะเร่งด่วน หรือ Quick Win กับการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของไทยที่จะผลักดันออกมา นั่นคือ การส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อดึงรายได้เข้าประเทศและกระจายรายได้ลงไปยังชาวบ้านได้อย่างรวดเร็ว ผ่านการปรับปรุงการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นทาง โดยเฉพาะการแก้ปัญหาการติดขัดในเรื่องการตรวจคนเข้าเมือง เพื่อเปิดประตูการท่องเที่ยวให้ดีและง่ายกว่าเดิม ซึ่งเรื่องทั้งหมดแก้ไขได้ด้วยการจัดการที่เป็นระบบ รวมทั้งการผ่อนปรนเรื่องของวีซ่าในประเทศเป้าหมายหลักด้านการท่องเที่ยว

เช่นเดียวกับการสร้างมหกรรมการท่องเที่ยวระดับโลก ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยเหมือนที่เคยทำมาในอดีตแล้วประสบความสำเร็จ เช่น เทศกาลสงกรานต์ ลอยกระทง หรือกรุงเทพเมืองแฟชั่น และผลักดันการท่องเที่ยวเชิงอาหารที่ประเทศไทยมีชื่อเสียงด้านอาหารไทย และสตรีทฟู้ด โดยตั้งเป้าหมายรายได้จากการท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านล้านบาท ภายในระยะเวลา 4 ปีหากได้เป็นรัฐบาล

ทำเขตธุรกิจใหม่ 4 ภาค

ด้านการลงทุนแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลจะผลักดันเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ออกมาแล้ว แต่พรรคเพื่อไทยเห็นว่ายังไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเน้นเรื่องการพัฒนาที่ดินและขายที่ดินราคาแพงว่าที่เป็นจริง ซึ่งนโยบายหลักด้านการลงทุน พรรคจะผลักดันเขตธุรกิจใหม่ หรือ New Business Zone นำร่อง 4 แห่ง คือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น และหาดใหญ่ 

พร้อมเร่งแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนทั้งหมด โดยเฉพาะการปรับปรุงกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ใหม่ ให้เป็นบีโอไอพลัส เช่น การเป็นวันสตอปเซอร์วิสที่แท้จริง ไม่ใช่เป็นช่องทางที่อาจมีการจ่ายใต้โต๊ะ รวมทั้งกฎหมายที่เปิดโอกาสเชิญชวนนักลงทุนเข้ามาได้มากขึ้น 

“เป้าหมายที่ตั้งใจไว้คือนำร่อง 4 จังหวัด ที่มีมหาวิทยาลัย และสนามบินอยู่ในพื้นที่ เพราะมีโครงสร้างพื้นฐานเพียงพอแบบไม่ต้องไปสร้างใหม่ โดยจะทดลองทำก่อนถ้าดีค่อยขยายออกไปได้ เหมือนกับโมเดลที่ทำในประเทศจีนแล้วสำเร็จ ซึ่งถ้าเป็นไปตามแผนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ จนเป็นพื้นที่เศรษฐกิจดิจิทัลและนวัตกรรมของประเทศ โดยส่งเสริมสตาร์ทอัพ และเอสเอ็มอีในพื้นที่ ให้เกิดการพัฒนาทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก”

 

“หมอมิ้ง ” น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย

 

เกษตรกรต้องรวยด้วยนวัตกรรม

ส่วนนโยบายด้านเกษตร ตามแผนหากได้นั่งเป็นรัฐบาล จะผลักดันรายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้นให้ได้อีก 3 เท่า เพราะปัจจุบัน GDP ภาคเกษตรต่ำมาก แค่ 8% หรือคิดเป็นรายได้แค่ 1.4 ล้านล้านบาทเท่านั้น สวนทางกับจำนวนเกษตรกรที่มีมากถึง 40% เมื่อเทียบกับคนทั้งประเทศ โดยทั้งหมดใช้พื้นที่ของประเทศถึง 43% แถมส่วนใหญ่ยังเป็นหนี้สินเฉลี่ยถึง 2.6 แสนบาทต่อครัวเรือน ทำให้รัฐบาลต้องอัดฉีดเงินเข้าไปช่วยเหลือถึงปีละไม่ต่ำกว่า 1.5-1.6 แสนล้านบาท 

สำหรับนโยบายสำคัญที่ตั้งไว้ตอนนี้คือ ตลาดนำ-นวัตกรรมเสริม คือผลิตมาแล้วต้องรู้ว่าขายให้ใคร หรือการผลิตสินค้าออกมาให้ตรงความต้องการของตลาด ผ่านการปรับปรุงการผลิตด้วยวิธีคิดเชิงธุรกิจ นำเทคโนโลยีเกษตรแม่นยำจากปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาปรับใช้ให้ผลผลิตออกมามีคุณภาพดี และช่วยลดต้นทุนการผลิต ก่อนจะสร้างรายได้ให้เกษตรกรเพิ่มขึ้น 3 เท่าสร้างมูลค่ากว่า 2.8 ล้านล้านบาท 

อย่างไรก็ดีในนโยบายด้านการเกษตรนั้น พรรคเพื่อไทยยังมีนโยบายอื่น ๆ อีกโดยเฉพาะเรื่องการดูแลชาวนาผู้ปลูกข้าวรูปแบบใหม่ ซึ่งถือเป็นไม้เด็ดในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยในอีกไม่นานนี้จะประกาศออกมาอีกครั้ง เบื้องต้นจะเป็นการสร้างหลักประกันเพื่อไม่ให้ชาวนาก่อหนี้เพิ่ม

 

“หมอมิ้ง ” น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย

 

ดัน 20 ตำแหน่งงาน Soft Power

ส่วนสุดท้าย นั่นคือ การสร้างรายได้ครัวเรือนผ่านนโยบาย หนึ่งครอบครัว หนึ่งศักยภาพซอฟต์เพาเวอร์ (Soft Power) ทั้งด้านอาหารไทย ดนตรี และกีฬา ตั้งเป้าหมายคัดตัวแทน 20 ล้านคน จาก 20 ล้านครัวเรือน โดยจะสร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง สร้างรายได้เฉลี่ยได้ถึง 200,000 บาทต่อครัวเรือนต่อปี ผ่านการสนับสนุนทุนการศึกษาไปฝึกอบรมทักษะระดับโลกต่อในต่างประเทศ

สรุป การดำเนินนโยบายทั้งหมดนี้ จะพลิกฟื้นประเทศไทย เพิ่มรายได้ประชาชน พ่วงกับรายได้ขั้นต่ำ 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท โดยรับประกันว่า ประเทศไทยจะมี GDP เติบโตไม่ต่ำกว่า 5% ต่อปี