วันที่ 11 มีนาคม 2566 ที่วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร จังหวัดพิจิตร นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ ได้ขึ้นปราศรัยเป็นครั้งแรก บนเวทีพรรคเพื่อไทย โดยระบุว่า ตัวเองมีหัวใจที่รักประชาชนเป็นที่ตั้งไม่เอาเผด็จการ และยึดมั่นต่อระบอบประชาธิปไตย
โดยวันนี้ถึงเวลาแล้วที่ตัวเองในฐานะนักธุรกิจที่สะสมประสบการณ์มากว่า 30 ปีต้องก้าวออกมาจากวงการธุรกิจแล้วมาทำงานเพื่อบ้านเมือง เพราะ 8 ปีที่ผ่านมาเป็นระยะเวลาที่ยาวมาก อยากให้ดูว่าเราได้สูญเสียโอกาสอะไรไปบ้าง ทั้งรายได้ที่ลดลง และรายจ่ายที่สูงขึ้น
รวมทั้งปัญหายาเสพติด ลูกหลานไม่เห็นอนาคตประเทศ คนที่มีความสามารถก็ย้ายถิ่นฐานออกไป บุตรหลานเราก็ไม่อยากมีลูกเพราะไม่เห็นอนาคตที่สดใส ขณะที่คนแก่ที่เกษียณอายุมีเงินเก็บก็ไม่พอเลี้ยงดูตัวเองได้อย่างมีความสุข และสมศักดิ์ศรีได้ในสังคม
“ประเทศไทยเคยเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย อยากให้ลองดูว่าวันนี้เราถดถอยไปขนาดไหน เมื่อเทียบกับอินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม ซึ่งปัจจุบันพัฒนาไปไกลเกินกว่าประเทศไทย และมีอัตราการการเติบโตของ GDP มากกว่าของเราอย่างมโหราฬ ซึ่งศักดิ์ศรีของเราอยู่ตรงไหน เราไม่มีเวทียืนในเวทีโลกนี้แล้ว ผู้นำไม่เคยออกไปข้างนอก ไม่เคยออกไปช่วยไปเปิดตลาดสินค้าใหม่ ๆ ถือเป็นความคับแค้นใจของพวกเรา” นายเศรษฐา กล่าว
เขายังบอกอีกว่า 8 ปีที่ผ่านมาเพียงพอหรือยัง ซึ่งส่วนตัวมองว่าพอแล้ว และในอีกไม่กี่เดือน คือ วันที่ 7 พฤษภาคม หรือวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เราจะมีวันสำคัญคือวันเลือกตั้ง ถ้าเราไม่พอใจกับสิ่งที่เราเป็นอยู่ 8 ปี ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องเดินเข้าคูหากาเพื่อไทยทั้งสองเบอร์ ไม่มีการปันใจให้คนอื่น เพราะว่า ถ้ามีพรรคอื่นเข้ามาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล จะทำให้ไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ที่คิดมาว่าเป็นเรื่องที่เสมาะสม และพี่น้องจะไม่ได้ในสิ่งที่สัญญาไว้
“ในอดีตที่ผ่านมาพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน ใช้นโนบายนำ นำความเจริญรุ่งเรืองให้กับพี่น้องประชาชน วันนี้พรรคเพื่อไทย มีสโลแกนคิดใหญ่ ทำเป็น เคยทำ และหวังว่าจะได้ทำ มาขอเสียงพี่น้องประชาชน ไปสู่จุดมุ่งหมายแลนด์สไลด์ทั้งหมด และอยากเห็นประเทศชาติมีอนาคต มีแสงสว่างที่ดี นำพาลูกหลานไปสู่อนาคตที่สดใส ซึ่งวันนี้เป้นวันแรกที่ได้มาปราศรัยที่พิจิตร ก็อยากขอแลนด์สไลด์พิจิตรด้วย” นายเศรษฐา ทิ้งท้าย