วันที่ 22 มี.ค. 2566 ที่พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายวิฑูรย์ นามบุตร กลับมาเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ว่า นายวิฑูรย์ ประสงค์จะกลับมาช่วยงานพรรค ขณะนี้ก็สมัครสมาชิกแล้ว ตนก็ยินดีต้อนรับ เพราะถือว่าเป็นผู้ที่เคยทำงานด้วยกันมา ไม่ได้มีปัญหาอะไร ซึ่งจะได้มาช่วยเสริมทัพประชาธิปัตย์ในอีสานอีกคนหนึ่ง
“เที่ยวนี้เราก็หวังว่าจะมีที่นั่งในอีสานหลายที่นั่ง คงไม่ต้องบอกตัวเลข แต่เราก็มั่นใจว่าจะได้มากกว่าคราวที่แล้วหลายที่ในหลายจังหวัด”
ผู้สื่อข่าวถามถึงความกังวลต่อผลโพลที่ประชาธิปัตย์ยังอยู่ในลำดับที่ไม่สูงนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรกังวล โพลดีก็มี โพลไม่ดีก็มี เหมือนกับหลายๆ พรรค และอยู่ที่ว่าโพลไหนเป็นอย่างไร แต่เราก็มั่นใจในสิ่งที่เราทำ เพราะสุดท้ายอยู่ที่มือประชาชนที่จะไปลงคะแนน
“เราก็มั่นใจว่า ตลอด 4 ปี ที่ผ่านมา เราเดินขึ้น ประชาธิปัตย์ไม่ได้เดินลง แต่มันอาจจะไม่พุ่งเป็นจรวด แต่เราก็ขึ้นแบบเครื่องบิน ก็เป็นการบินขึ้น ช่วงนึงก็อาจจะผ่านเมฆ ทุลักทุเลบ้าง แต่เมื่อผ่านเมฆแล้วทุกอย่างก็ไปได้ดี ประชาธิปัตย์เป็นพรรคหนึ่งที่มีความพร้อมเต็มร้อย ในการลงสมรภูมิเลือกตั้ง พร้อมทั้งคน พร้อมทั้งนโยบาย พร้อมทั้งจุดยืนทางการเมืองที่จะประกาศกับคนทั้งประเทศ ทุกอย่างเดินหน้าไปได้ด้วยดี และมีความเป็นเอกภาพ”
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ถัดจากนี้พรรคจะได้ทำไพรมารีตามกฎหมาย เพื่อคัดตัวผู้สมัครทั้งบัญชีรายชื่อและเขต โดยตั้งเป้าว่าเราจะส่งครบทั้ง 400 เขต บัญชีรายชื่อ 100 คน ครบทั้ง 500 คน
สำหรับกำหนดการทำไพรมารีของประชาธิปัตย์นั้น ขอเวลาอีก 2-3 วัน จะได้ทำไปตามขั้นตอนกระบวนการกฎหมาย และตามที่ข้อบังคับพรรคกำหนด ไม่ได้มีปัญหาอะไร
ส่วนเรื่องที่มีหัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆ มีการนัดพบรับประทานอาหารนั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนมีข้าวกินอยู่แล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไรเรื่องกินข้าว เพียงแต่เมื่อวัน 2 วันที่ผ่านมา ก็ได้ทานข้าวกับอดีตหัวหน้าพรรคทั้ง 3 ท่าน บรรยากาศก็เป็นไปด้วยดี เพราะเราอยู่พรรคเดียวกัน ทำงานร่วมกันมา
ถัดจากนี้ก็ตั้งใจว่าประชาธิปัตย์จะจัดทัพลงพื้นที่ทั่วประเทศ โดยแบ่งเป็น 3 ทัพ ทัพที่ 1 หัวหน้าพรรค ทัพที่ 2 เลขาธิการพรรค และ ทัพที่ 3 อดีตหัวหน้าพรรค เพื่อช่วยกันตะลุยหาเสียงในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพราะฉะนั้นก็ต้องบอกว่าเรื่องการจัดทัพ เราก็มีความพร้อมที่จะลงสนามเลือกตั้ง
“ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล เราก็ทำหน้าที่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล แต่เรื่องของการแข่งขันในทางการเมือง ก็เป็นเรื่องของการแข่งขันกันทางการเมือง ส่วนสุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับมือประชาชน ซึ่งผมยืนยันเรื่องนี้ตลอด เพราะนี่คือหลักการ และเป็นอุดมการณ์ของพรรค เพราะเรายืดมั่นในระบอบประชาธิปไตยรัฐสภา อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ดังนั้นใครรวมเสียงข้างมากได้ คนนั้นก็เป็นรัฐบาล ใครเป็นเสียงข้างน้อยก็เป็นฝ่ายค้านควบคุมรัฐบาล สิ่งนี้คือ หลักที่เรายึดมั่น และยังยึดต่อไปในการเลือกตั้งด้วย” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ส่วนที่ผู้สื่อข่าวถามถึงเงื่อนไขในการจับขั้วรัฐบาลนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ยังไม่มีหรอก เราจะทำให้ดีที่สุดก่อน ให้ประชาชนเลือกให้มากที่สุดก่อน ไม่ใช่เราไม่มีโอกาสอะไรเลย โอกาสจะเป็นแกนตั้งรัฐบาลก็ไม่ใช่ว่าไม่มี สำหรับประชาธิปัตย์ก็มี
เพราะฉะนั้นเราจึงทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ สิ่งไหนที่เรายึดมั่นเป็นอุดมการณ์ เราก็บอกประชาชนว่าเราไม่เปลี่ยน และยังเดินหน้ายืนหยัดต่อไป ประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดิน ประสบการณ์ในเวทีรัฐสภาที่เป็นหัวใจของระบอบประชาธิปไตย เราก็ยังยึดมั่นในเรื่องนี้ และหลักการเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต อุดมการณ์เรื่องนี้เราก็ไม่เปลี่ยน
“ผมคิดว่าสิ่งนี้ คือ สิ่งที่ประเทศต้องการและขอให้ทำจริง ซึ่งเราได้พิสูจน์มาตลอดระยะเวลาว่าเรายืนหยัดอย่างนี้ แล้วทำอย่างนี้ให้เห็นจริงๆ และจะเดินหน้าทำต่อไป ส่วนการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองก็จะเป็นไปตามข้อเท็จจริงว่า เมื่อปัญหาเปลี่ยนแปลงไป เราก็ต้องแก้ปัญหาให้ทันสถานการณ์ ซึ่งประชาธิปัตย์มีวิธี ไม่ต้องห่วง เพราะ สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ นั้นครอบคลุมแล้วทุกเรื่องที่จะนำพาประเทศไปได้อย่างยั่งยืน”
ส่วนแผนที่จะมีการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มีการเตรียมการโดยผู้อำนวยการเลือกตั้ง จะเป็นผู้ดำเนินการเป็นกลไกหลัก ซึ่งจะมีศูนย์อยู่ที่สำนักงานใหญ่ของพรรค และจะมีการจัดระบบว่าใครจะต้องไปที่ไหน จังหวัดไหนอย่างไร โดยจะมีกลไกแบ่งเป็น 3 ทัพ ทัพที่ 1 หัวหน้าพรรค ทัพที่ 2 เลขาธิการพรรค และทัพที่ 3 อดีตหัวหน้าพรรค
รวมทั้งจะมีกลไกของแต่ละภาค เมื่อไปภาคไหนรองหัวหน้าพรรคที่ดูแลภาคนั้น ก็จะเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการต่อไป สำหรับประชาธิปัตย์แล้วทั้งหมดนี้เป็นระบบไปหมดแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีโอกาสได้เห็นหัวหน้าพรรคและอดีตหัวหน้าพรรคอยู่เวทีเดียวกันหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่จำเป็นหรอก เพราะเราตั้งหลักชัดแล้วว่า เราจะแยกกันเดิน แยกกันตี ในการนำทัพ และจะมีประสิทธิภาพมาก โดยอดีตหัวหน้าพรรคท่านไหนถนัดพื้นที่ไหน ท่านก็จะไปที่นั่น ส่วนตน และเลขาธิการพรรค จะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลภาพรวมทั้งประเทศ ซึ่งเราก็จะแยกทัพกันด้วย ไม่จำเป็นว่าจะต้องมาขึ้นเวทีเดียวกัน
เพราะได้แยกกันไปหลายๆ จุด ก็จะช่วยให้ครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่า ภายในเวลาอันจำกัด เพราะตอนนี้มีเวลาไม่ถึง 2 เดือน ซึ่งเราจะได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ที่สุด
สำหรับวันเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม ถือเป็นฤกษ์งามของประชาธิปัตย์หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนไม่ไปดูฤกษ์อะไรหรอก แล้วก็ไม่ได้มีอำนาจขนาดไปกำหนดได้ว่าจะเลือกตั้งวันไหน วันไหนก็วันนั้น
“วันที่ดีที่สุดคือวันที่เราได้ลงมือทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับบ้านเมือง และสั่งสมมาจนกระทั่งให้ประชาชนได้เป็นผู้ตัดสิน ว่าเขาเห็นว่าเราเป็นอย่างไร มั่นใจในอุดมการณ์ ในทิศทาง ในสิ่งที่เราทำ ผลงานอย่างไร วันนั้นก็ถือว่าเป็นวันดีเสมอ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว