“จุรินทร์”ชี้ผู้นำประเทศต้องเป็นนักประชาธิปไตย บริหารรัฐกิจตัวจริง

30 มี.ค. 2566 | 10:38 น.
อัพเดตล่าสุด :30 มี.ค. 2566 | 10:48 น.

“จุรินทร์”ชี้ผู้นำประเทศต้องเป็นนักประชาธิปไตย มีประสบการณ์ บริหารรัฐกิจตัวจริง ขับเคลื่อนงานบริหารในรัฐสภา ยันถ้า “ประชาธิปัตย์” เป็นรัฐบาล จุรินทร์เป็นนายกฯ ต้องมี New กรอ.

วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ.2566 ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเสนอนโยบายของพรรคในเวทีตอบข้อซักถาม “มุมมองของภาคธุรกิจต่อนโยบายขับเคลื่อนประเทศ” จัดโดย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนทำงานร่วมกับสภาหอการค้า 4 ปีเต็ม ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งพรรคการเมืองที่จะพาประเทศไปข้างหน้าหลังเลือกตั้งได้ อย่างน้อยต้องมี 2 ข้อ 

1. หลักคิดในการพาประเทศไปสู่อนาคตที่ดีกว่าอย่างยั่งยืน 2. ต้องมีกลไกขับเคลื่อนประเทศที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ขณะที่มีหลายพรรคพูดถึงนักการเมือง  ระบบราชการ แต่เท่านี้ไม่พอ เพราะภาคประชาชนและเอกชน ก็เป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง 

                      “จุรินทร์”ชี้ผู้นำประเทศต้องเป็นนักประชาธิปไตย บริหารรัฐกิจตัวจริง

“ถ้าประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาล กลไกสำคัญในการขับเคลื่อนแก้ปัญหาประเทศรวมทั้งเศรษฐกิจ คือ กรอ.(คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน) จะต้องมีบทบาทมากขึ้น และเป็น New กรอ.  ที่ไม่ใช่ประชุมในห้องแอร์สั่งการแล้วจบ แต่ กรอ. ต้องขับเคลื่อนให้เกิดประสิทธิผลและผลสัมฤทธิ์จริงในการแก้ปัญหาประเทศ

ถ้าประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล นายจุรินทร์เป็นนายกฯ ผมจะเชิญท่านสนั่น (ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย) แล้วเข้าไปร่วมกันแก้ปัญหาเหมือนที่เราทำกันใน กรอ.พาณิชย์ ทำจริงเห็นผลจริง” 

นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า หลักคิดของประชาธิปัตย์ในการพาประเทศไทยไปข้างหน้า จะต้องอยู่ในกรอบยุทธศาสตร์ “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” โดย “สร้างเงิน” นั้น เป็นการสร้างเงินให้ทั้งคนไทยและประเทศ ด้วยการประกันรายได้คนไทยและประกันรายได้ประเทศ 

ไม่ว่าจะเป็นการประกันรายได้จากการส่งออก หรือ การท่องเที่ยว การขับเคลื่อนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่ประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญทั้งเศรษฐกิจฐานราก เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และเศรษฐกิจมหภาค รวมทั้งการลดความเหลื่อมล้ำและโครงสร้างพื้นฐาน 

แต่เท่านี้ไม่พอ เพราะทันทีหลังการเลือกตั้ง ประเทศไทยยังต้องเผชิญกับปัญหาหลายประการ โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ปัญหารัสเซีย-ยูเครน และหลุมดำทางเศรษฐกิจในการขับเคลื่อนจีดีพี เนื่องจากในช่วง 3 ปีที่ไทยเผชิญปัญหาโควิด ทำให้เม็ดเงินหายไป 1 ล้านล้านบาท 

                          “จุรินทร์”ชี้ผู้นำประเทศต้องเป็นนักประชาธิปไตย บริหารรัฐกิจตัวจริง

ดังนั้น หากจะให้เศรษฐกิจโตไปตามยถากรรม ก็จะโตแค่ 3% เฉลี่ยต่อปีไปจนถึงปี 2570 แต่จะทำอย่างไรให้จีดีพีโต 5% ต่อปี และต้องเติมเม็ดเงิน 1 ล้านล้านบาทกลับเข้าไปด้วย 

นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังได้กล่าวถึงนโยบาย “สร้างเงิน” ที่จะเป็นตัวเติมเม็ดเงิน 1 ล้านล้านบาท ที่หายไปในช่วงโควิด ประกอบด้วย 

1. ธนาคารหมู่บ้าน  200,000 ล้านบาท 2. กบข. 100,000 ล้านบาท 3. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 200,000 ล้านบาท 4. กองทุนสตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี ต้องมีแต้มต่อ 300,000 ล้านบาท  และนโยบาย 10 กว่าข้อที่ประชาธิปัตย์ประกาศอีก 200,000 ล้านบาท  รวม 1 ล้านล้านบาท เพื่อให้เศรษฐกิจไทย โตจาก 3% เป็น 5% ได้ 

สำหรับนโยบาย “สร้างคน” เป็นการสร้างคนด้วยการศึกษาและสาธารณสุข ที่ภาคเอกชนต้องเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ใช้ “ตลาดนำการผลิต” และประชาธิปัตย์มีนโยบาย เรียนฟรีถึงปริญญาตรี ในสาขาที่ตลาดต้องการ ส่วนนโยบาย “สร้างชาติ” นั้น เราจะสร้างชาติด้วย 3 ประชาธิปไตย คือ 1. ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2. ประชาธิปไตยสุจริต และ 3. ประชาธิปไตยท้องอิ่ม 

“ผมมั่นใจ ประเทศไทยถัดจากนี้ถึงเวลาที่ต้องเดินด้วยประชาธิปไตย คนที่จะมานำประเทศต้องเป็นนักประชาธิปไตย มีประสบการณ์ ทั้งบริหารรัฐกิจตัวจริง และมีประสบการณ์ทั้งการถูกตรวจสอบ และการขับเคลื่อนงานบริหารประเทศในรัฐสภา ที่ต้องครบถ้วนสมบูรณ์แบบ และผมเป็นคนหนึ่งที่พร้อม เพราะฉะนั้นประชาธิปัตย์ขอโอกาสให้ประชาธิปัตย์และนายจุรินทร์คนนี้ ได้มีโอกาสเข้าไปขับเคลื่อนประเทศต่อไป” นายจุรินทร์ กล่าว