วันนี้(4 เม.ย.66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคได้ประชุม และมีมติร่วมกันในการเสนอรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในนามพรรคชาติพัฒนากล้า จำนวน 3 รายชื่อ เรียงลำดับดังนี้
1.นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า
2.นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า
3.นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรคชาติพัฒนากล้า
ทั้งนี้ การเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ทั้ง 3 รายชื่อเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและตามมติของพรรคซึ่งให้ความเห็นชอบ โดยพิจารณาจากปัญหาของบ้านเมือง ต้องอาศัย ผู้มีประสบการณ์ ทั้ง 3 รายชื่อถือเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ พรุ่งนี้ (5 เม.ย.66) จะนำรายชื่อยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต่อไป
นายสุวัจน์ ยังกล่าวถึงแนวทางของพรรคชาติพัฒนากล้าว่า พรรคไม่มีศัตรูทางการเมือง เข้าร่วมได้กับทุกพรรค ทุกฝ่าย เพราะปัญหาของประเทศที่ต้องเร่งแก้ไขหลังการเลือกตั้งก็คือ เศรษฐกิจ และ การเมือง ต้องทำให้มีเสถียรภาพ มีความปรองดอง มีความเป็นปึกแผ่น ทุกคนทุกพรรคจึงเป็นมิตรไม่มีเงื่อนไขภายใต้หลักการประชาธิปไตยคือเคารพเสียงข้างมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวของพรรคชาติพัฒนากล้า ต่อการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พบว่า นายอรัญ พันธุมจินดา นายทะเบียนพรรค ยื่นใบสมัครต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พบว่า มีการส่งรวมทั้งสิ้น 39 คน ลำดับที่ 1-5 ได้แก่ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล, นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี, นายอรัญ พันธุมจินดา, นายวรวุฒิ อุ่นใจ และ น.ส.เยาวภา บุรพลชัย ทั้งนี้ไม่พบชื่อ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรค และนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค
เมื่อถามถึงเหตุผลที่นายสุวัจน์ และนายกรณ์ ไม่ลงเลือกตั้งส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสุวัจน์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้า ไม่ใช่พรรคใหญ่ ลำดับที่นั่งตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญเชื่อว่าได้ไม่เยอะ
ขณะเดียวกันพรรคต้องการสร้างคนรุ่นใหม่ สร้างอนาคตประเทศ ดังนั้นในผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ จึงเป็นคนรุ่นใหม่เกือบทั้งหมด ยกเว้น นพ.วรรณรัตน์ที่เป็นผู้อาวุโส ที่จะคอยแนะนำ
“ผม และคุณกรณ์ ไม่มีอะไรซับซ้อน ที่ไม่ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพราะต้องการเเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ ส่วนผมและคุณกรณ์ ดูการบริหาร หากมีส่วนในการบริหารประเทศ ส่วนเลขาธิการพรรค คือแม่บ้าน ลงเขตเลือกตั้ง หากผมลง เด็กๆ จะไม่มีโอกาส” นายสุวัจน์ กล่าว
นายสุวัจน์ กล่าวว่า หลังจากที่พรรคได้หมายเลขเลือกตั้งแล้ว จะประเดิมหาเสียงที่ จ.ภูเก็ต ในวันที่ 5-6 เมษายน เพราะมั่นใจว่าจะมีโอกาสสูงที่คนของพรรคจะไปรับใช้ประชาชน ต่อจากนั้นจะลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา ต่อไป
นายสุวัจน์ ยังกล่าวย้ำถึงการเมืองหลังเลือกตั้งว่า ตนไม่ได้ตั้งเงื่อนไขว่าจะรวมหรือไม่รวมกับใคร เพราะมองว่าต้องการสร้างรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ 300 เสียงขึ้นไป