วันนี้(6 เม.ย.66) นางสดศรี สัตยธรรม อดีตกรรมการการเลือกตั้ง(อดีต กกต.) ให้สัมภาษณ์กรณี นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย กล่าวตอนหนึ่งในการปราศรัยใหญ่ของพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 5 เม.ย.2566 ว่า จะเติมเงินในกระเป๋าเงินดิจิทัลให้กับคนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปจำนวนเงิน 10,000 บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่า การปราศรัยดังกล่าวไม่เป็นการสัญญาว่าจะให้ เพราะเป็นเรื่องที่สามารถออกเป็นกฎหมายได้
โดยอะไรก็ตามที่เป็นนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองที่สามารถทำได้ ก็นำมาเป็นนโยบายได้ เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้จะเป็นส.ส.จะเสนอออกกฎหมายผ่านสภา ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง หรือเหนือกว่าอำนาจของผู้ที่จะเป็น ส.ส.
"ท่านนายกฯ ก็เคยพูดว่า พรรคนั้นให้เงินบัตรสวัสดิการ 700 บาท แต่ของท่านจะให้ 1,000 บาท หรือบางพรรคก็ระบุว่า ผู้สูงอายุจะได้รับเงินตรงนี้มากขึ้น ก็จะมีการต่อรองในลักษณะนี้ หรือบางพรรคเคยหาเสียงว่าจะให้เรียนฟรีจนจบมหาวิทยาลัย ซึ่งนโยบายลักษณะก็สามารถทำได้โดยที่จะต้องเสนองบประมาณผ่านเข้าไปในสภา"
นางสดศรี กล่าวอีกว่า ส่วนลักษณะของคำว่าสัญญาว่าจะให้นั้น กกต.เคยให้ใบแดงกรณีผู้สมัครส.ส.ท่านหนึ่งเคยพูดว่า ถ้าได้เป็น ส.ส. จะออกตั๋วเครื่องบิน ให้กับชาวมุสลิมไปนครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ฟรี ซึ่งเข้าข่ายสัญญาว่าจะให้เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้กับตัวเอง หรือพรรคการเมืองที่ตัวเองสังกัด
“เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะออกกฎหมายในลักษณะที่ให้ทุกคนมีสิทธิได้รับเงินจำนวนนี้ ซึ่งจะเอาเงินที่ไหนมาให้ อะไรก็ตามที่พูดแล้วเป็นไปไม่ได้ หรือไม่ใช่อำนาจของผู้ที่จะเป็นส.ส.ไปดำเนินการอย่างนั้นอย่างนี้ โดยที่ไม่สามารถเป็นไปได้ก็จะถือว่าสัญญาว่าให้เพื่อจูงใจให้ลงคะแนน“อดีต กกต.ผู้นี้ระบุ