ตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายแจก"เงินดิจิตอล1 หมื่น"ของพรรคเพื่อไทย ทั้งแง่บวกแง่ลบอย่างกว้างขวาง กรณีดังกล่าว
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์เป็นอีกคนหนึ่งที่ออกมาให้ความเห็นในอีกแง่มุมที่น่าสนใจ
โดยเขียนบทความสั้นในเฟซบุ๊ก”อลงกรณ์ พลบุตร”และไลน์ส่วนตัว
"เงินดิจิตอล & ธนาคารหมู่บ้าน-ชุมชน" : ความต่างของนโยบายพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์”
เป็นการนำเสนอวิสัยทัศน์และนโยบายธนาคารหมู่บ้าน-ธนาคารชุมชนของพรรคประชาธิปัตย์ในเชิงเปรียบเทียบกับนโยบายเงินดิจิตอลของพรรคเพื่อไทยไว้อย่างชัดเจนพร้อมเปิดโอกาสนายเศรษฐา ทวีสินโต้แย้งชี้แจงแลกเปลี่ยนมุมมอง
โดยนายอลงกรณ์เขียนไว้ดังนี้
“เงินดิจิตอล VS ธนาคารหมู่บ้าน-ชุมชน ความต่างของนโยบายพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์”
กรณีมีการวิจารณ์กันมากเรื่องนโยบายแจกเงินดิจิตอล1 หมื่นของพรรคเพื่อไทยนั้น
ผมสงวนความเห็นไม่กล่าวถึงประเด็นทำได้หรือไม่ ขัดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ แต่จะเสนอนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ให้เห็นเป็นการเปรียบเทียบ นั่นคือ นโยบายธนาคารหมู่บ้านธนาคารชุมชนทุกหมู่บ้านทุกชุมชนใน77 จังหวัด
เป็นการจัดตั้งระบบธนาคารท้องถิ่นเพื่อให้บริการเงินฝากและสินเชื่อรวมทั้งบริการอื่นๆใช้เทคโนโลยีธนาคารดิจิตอล(Fintech) ปัญญาประดิษฐ์(AI)และบล็อคเชน(Blockchain)แบคอัพการบริหาร
โดยใช้เงิน 2 แสนล้าน เป็นทุนประเดิมเริ่มต้นเป็นเงินหมุนเวียน ไม่ใช่จ่ายครั้งเดียวจบแบบเงินดิจิตอล1หมื่นของพรรคเพื่อไทย
สรุปคือ ธนาคารหมู่บ้านและธนาคารชุมชน
1.เป็นการปฏิรูประบบธนาคารใหญ่ที่สุดโดยให้มีระบบธนาคารหมู่บ้านธนาคารชุมชนเป็นครั้งแรกในรอบกว่า100ปีที่มีแต่ระบบธนาคารพาณิชย์ระดับชาติ
2.เป็นสถาบันการเงินเพื่อสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ชุมชนและครัวเรือนเพื่อแก้ปัญหาการเข้าถึงสินเขื่อและทุนของชาวบ้านทั้งในชนบทและในเมือง
3. ส่งเสริมระบบสินเชื่อเงินฝากและเงินออมโดยชุมชนของชุมชนเพื่อชุมชน
4.เป็นเงินหมุนเวียนกระตุ้นเศรษฐกิจแบบยั่งยืน
สร้างโอกาสทางการค้าธุรกิจการลงทุนสร้างอาชีพสร้างรายได้และเป็นการแก้ปัญหาหนี้สินความยากจนและแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ
5.กรณีต้องใช้สินเชื่อเพื่อการลงทุนจำนวนมากหลักล้านสามารถใช้บริการของกองทุน Startup SME 3 แสนล้าน
ผมคิดว่า นโยบายธนาคารหมู่บ้านและธนาคารชุมชน 2 ล้านบาทตอบโจทย์ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเข้าถึงสินเชื่อของชาวบ้านและพ่อค้าแม่ขายรวมทั้งส่งเสริมการออมระดับครัวเรือนชุมชนหมู่บ้านอย่างยั่งยืนบนหลักการของวินัยการเงินการคลังท้องถิ่น
นี่คือวิสัยทัศน์และนโยบายธนาคารหมู่บ้านและธนาคารชุมชนภายใต้ยุทธศาสตร์”สร้างเงินสร้างคนสร้างชาติ”ของพรรคประชาธิปัตย์ที่กำหนดนโยบายด้วยความรอบคอบรับผิดชอบต่อวันนี้และอนาคตข้างหน้า
เชื่อว่าจะสร้างความยั่งยืนในระบบการเงินภาคประชาชนและรักษาวินัยการเงินการคลังของประเทศโดยกระทบหนี้สาธารณะน้อยที่สุดดีกว่านโยบายเงินดิจิตอลของพรรคเพื่อไทย หรือคุณเศรษฐา ทวีสินจะโต้แย้งชี้แจงก็ยินดีรับฟังแลกเปลี่ยนมุมมองกันตามวิถีทางประชาธิปไตยครับ