วันนี้ (16 เม.ย.66) ที่จ.สุราษฎร์ธานี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนขึ้นรถแห่เพื่อขอเสียงให้กับผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคทั้ง 7 เขต ประกอบด้วย เขต 1 นายภาณุ ศรีบุศยกาญจน์ เบอร์ 10 เขต 2 นายวิวรรธน์ นิลวัชรมณี เบอร์ 2 เขต 3 นายปิยะรัฐ จิรรัตน์ฐิกุล เบอร์ 5 เขต 4 นายสมชาติ ประดิษฐพร เบอร์ 1 เขต 5 นายสินิตย์ เลิศไกร เบอร์ 6 เขต 6 นายธีรภัทร พริ้งศุลกะ เบอร์ 2 และ เขต 7 นางสาวตวงทอง ประดิษฐพร เบอร์ 9
โดย นายจุรินทร์ ได้เน้นย้ำถึงเสียงตอบรับของพรรคประชาธิปัตย์ว่า การปราศรัยเมื่อวานนี้เป็นเวทีระดับอำเภอทั้ง บ้านนาเดิม และเวียงสระ ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งบรรยากาศดีทั้ง 2 เวที สะท้อนให้เห็นถึงเสียงตอบรับที่พี่น้องให้กับพรรคอย่างชัดเจนว่า พร้อมจะเข้ามาสนับสนุน
สำหรับเขต 7 บ้านนาเดิม เราส่ง นางสาวตวงทอง ประดิษฐพร เบอร์ 9 จบการทูต แต่สนใจการเมือง เป็นอดีต สจ. ที่ได้รับเลือกด้วยคะแนนสูงสุดของจังหวัด ทำให้ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี
ส่วนเขต 3 อำเภอเวียงสระ พรรคส่งนายปิยะรัฐ จิรรัตน์ฐิกุล เบอร์ 5 เป็นผู้สมัครหน้าใหม่ เนื่องจากผู้สมัครคนเดิมได้ออกไป จึงถือโอกาสที่พรรคจะมีนักการเมืองรุ่นใหม่ เข้ามาทดแทนเพื่อเดินหน้าไปสู่ความเป็นสถาบันทางการเมืองต่อไป ซึ่ง นายปิยะรัฐ เป็นรองนายกเทศมนตรี และเป็นทายาทนักการเมืองท้องถิ่นที่ทำกิจกรรมรับใช้สังคมมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ได้รับเสียงตอบรับดีมาก
ทันทีที่ประกาศตัวจึงทำให้ได้รับเสียงตอบรับดีสุดๆ มั่นใจว่าความใหม่ของทั้ง 2 เขตนี้ ก็จะไม่เป็นอุปสรรค ขณะเดียวกัน ก็จะเป็นแรงส่งสำคัญที่จะทำให้ประชาธิปัตย์ได้รับเสียงสนับสนุนจากชาวสุราษฎร์ฯ ทั้ง 7 เขต ที่จะทำให้ยกทีมเช่นเดียวกับการเลือกตั้งปี 62
“ผมขอส่งสัญญาณอีกครั้ง นอกจากประชาธิปัตย์ในสุราษฎร์ธานี ที่ขอให้ช่วยกลับมาเลือกและสนับสนุนประชาธิปัตย์ดังเดิม และขอส่งสัญญาณถึงพี่น้องชาวประชาธิปัตย์ด้วย ที่เคยยืนหยัดมั่นคงกับประชาธิปัตย์ ก็ขอให้มั่นคงต่อไป มาจับมือกันเป็นกำลังสำคัญให้ประชาธิปัตย์ เดินหน้าไปสู่ความเป็นสถาบันทางเมืองที่ยั่งยืนเพื่ออนาคตประเทศที่ดีกว่า” นายจุรินทร์ กล่าว
จากการที่นายชวน หลีกภัย ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงวานนี้และยังมีความกังวลถึงการใช้เงินซื้อเสียงนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้จะเป็นอุปสรรค และเป็นปัญหาใหญ่ของการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มปรากฏให้เห็นเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าพี่น้องประชาชนไปสนับสนุนคนใช้เงินเพื่อแลกกับคะแนนเสียง สุดท้ายคนเหล่านี้ ถ้าเข้าไปมีอำนาจก็จะไปถอนทุนคืน และเราจะได้รัฐบาลที่คอร์รัปชัน ผลร้ายจะตกกับพี่น้องประชาชน จากสะพานร้อยแห่งจะเหลือ 60 แห่ง โรงพยาบาลร้อยโรง ก็จะเหลือ 60 โรง แล้วผลร้ายก็จะตกกับระบอบประชาธิปไตยด้วย
“จากการยึดอำนาจหลายครั้งที่ผ่านมา ถ้าไปดูสาเหตุ จะเห็นว่าเหตุผลหนึ่งที่อ้างกันก็คือ เนื่องจากมีการทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาล ในขณะที่มีอำนาจอยู่ ดังนั้น การแลกคะแนนเสียงกับเงินไม่กี่ตังค์ มันไม่คุ้มค่ากับความเสียหายต่อตนเอง และความเสียหายต่อประเทศที่จะเกิดขึ้น ผมคิดว่าหลายคนก็ตระหนักอยู่แล้ว แต่สิ่งเหล่านี้ต้องช่วยกันรณรงค์ในวงกว้างให้มากขึ้น” นายจุรินทร์ กล่าว
นอกจากนี้ นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลในตลอด 4 ปีที่ผ่านมาว่า ขอให้ดูแบบภาพรวมและขอให้ดูแบบแยกส่วนในความรับผิดชอบของแต่ละพรรคการเมืองด้วย ซึ่งในส่วนภาพรวมทางเศรษฐกิจนั้น เมื่อเทียบกับหลายประเทศ เราอยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไทย ที่อยู่สูงกว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยทางเศรษฐกิจของโลก ขณะที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว บางประเทศถดถอยแต่เรากลับเป็นบวก ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนในตัว
โดยเฉพาะเรื่องการส่งออกที่อยู่ในความรับผิดชอบของตน และรัฐมนตรีประชาธิปัตย์ ก็ได้รับผลสำเร็จอย่างยิ่งท่ามกลางสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน สงครามการค้า และสถานการณ์โควิด
แต่เราสามารถจับมือกับเอกชนฟันฝ่ามาได้ ทำรายได้เข้าประเทศจากการส่งออกสูงร่วม 10 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงสุดในรอบ 30 ปี เงินเหล่านี้จะนำมาใช้พัฒนาประเทศ ตั้งแต่การเอามาทำประกันรายได้เกษตรกร ทำโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ สิ่งนี้สะท้อนความสำเร็จที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำมาในช่วงที่ผ่านมา
นายจุรินทร์ กล่าวว่า จากผลงานรวมในช่วงที่ผ่านมาถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่าหลายประเทศ และดีกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วด้วย โดยเฉพาะเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบของประชาธิปัตย์ ประกันรายได้เกษตรกร สามารถเดินหน้าได้เป็นอย่างดี สำหรับในปีที่ 4 ได้มีการโอนเงินส่วนต่างให้กับชาวสวนยางแล้ว ตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย. ถือว่าสิ่งนี้ก็เป็นผลงานที่เป็นรูปธรรมชัดเจน
ที่สำคัญในเรื่องการสร้างอนาคตให้ประเทศ ซึ่งตนได้ทำอย่างเต็มที่ เห็นได้จากการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี FTA ที่ตนเดินทางไปทำกับหลายประเทศ เริ่มประสบความสำเร็จให้เห็นอย่างต่อเนื่อง
ที่ผ่านมาไทยมี FTA 14 ฉบับกับ 18 ประเทศ แต่หลังจากที่ตนทำการเจรจากับสหภาพยุโรป ไปจนถึงสหรัฐอาหรับเอมิเรต UAE หรือดูไบ ตอนนี้ก็ประสบความสำเร็จแล้ว และสามารถนับหนึ่ง FTA ไทย – สหภาพยุโรป 27 ประเทศ ซึ่งจะทำให้ไทยมี FTA เพิ่มจาก 18 ประเทศ เป็น 45 ประเทศ
นายจุรินทร์ ยังประกาศข่าวดีสำหรับประเทศไทยว่า จากการที่ตนเดินทางไปเจรจากับรัฐมนตรี UAE หรือ ดูไบ นั้น ประกาศนับหนึ่งในช่วงวันที่ 11 พ.ค. นี้ ซึ่งจะช่วยให้ไทยมี FTA เพิ่มขึ้นเป็น 46 ประเทศ จี้ติดหลังเวียดนามแล้ว และทำให้เรามีความสามารถในการแข่งขันทั้งการดึงนักลงทุน และมีแต้มต่อไม่แพ้เวียดนาม อีกทั้ง FTA ดูไบนี้ ก็เป็นประตูสำคัญที่เปิดไปสู่ตลาดตะวันออกกลาง
“ประชาธิปัตย์ มีนโยบายชัดเจนว่า นอกจากการสร้างเงินให้คนไทย ยังมีนโยบายสร้างเงินให้ประเทศด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายพรรคไม่ได้คิด แต่ผมยืนยันว่าประชาธิปัตย์คิด โดยเฉพาะการส่งออกสินค้า และได้แต้มต่อจาก FTA รวมถึงการดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศด้วยประสบการณ์อเมซิ่งไทยแลนด์ที่เราทำมาแล้ว และเรามั่นใจว่าเราทำได้ ไม่ยากเลย เพราะเราตั้งใจทุ่มเท และเข้าใจหลักของการทำงาน” นายจุรินทร์ ระบุ