วันที่ 20 เมษายน 2566 ที่จ.สงขลา ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์สัญจร ครั้งที่ 2 แถลงข่าว “แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจปลายด้ามขวานไทย” นำโดย ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม อดีตรมช.คลัง และประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯกทม. ผู้เชี่ยวชาญด้านคมนาคมขนส่งโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการขนาดใหญ่ และม.ร.ว. ศศิพฤนท์ จันทรทัต อดีตซีอีโอ บล. กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีนายนิพัฒน์ อุดมอักษร ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมด้วย ณ โรงแรมคริสตัล หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม กล่าวว่า นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ทุกนโยบายเน้นยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ “สร้างเงิน สร้างงาน สร้างชาติ” ซึ่งออกแบบนโยบายมาด้วยความพิถีพิถัน เป็นพรรคเดียวที่หาเงินมาใช้ในนโยบายโดยไม่ก่อหนี้สาธารณะ หรือพึ่งพาแต่งบประมาณแผ่นดินเหมือนพรรคอื่นๆ แต่อาศัยการบริหารเงินนอกงบประมาณที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์
สำหรับนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์จะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของภาคใต้ใหม่ โดยเฉพาะการสร้าง Growth Pole ใหม่ของเมืองหาดใหญ่ให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ของภาคใต้ ด้วยการผลักดันให้เป็นศูนย์กลางการเงินนานาชาติในภูมิภาค เพิ่มเติมจากดึงดูดนักท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งการผลิตเพื่อการส่งสินค้าออกไปต่างประเทศ
หากหาดใหญ่ได้เป็นแหล่งเงินทุนใหม่ๆ ย่อมจะเป็นผลดีต่อ SME และ Startups ในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และจังหวัดอื่นๆ ที่จะสามารถเข้าถึงทุนและสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ในต้นทุนกู้ยืมต่ำลงและธุรกิจจะได้รับการยกระดับเป็นนานาชาติ เกิดการพัฒนาและขับเคลื่อนให้เป็นเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลเป็นลูกโซ่ต่อการเติบโตของจังหวัดสำคัญในภาคใต้ และประเทศโดยรวม และต่อภาคเศรษฐกิจอื่น เช่น การค้าข้ามชายแดนของภาคใต้ กับประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย การขนส่ง การท่องเที่ยว การผลิต ตลอดจนการว่าจ้างแรงงาน
ธุรกิจการเงินเป็นงานที่มีมูลค่าที่สูงมากโดยเฉพาะในยุคดิจิทัล (Digital Economy) ดูตัวอย่างประเทศสิงคโปร์ ที่แม้ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติใดๆ แต่สามารถพัฒนาเป็นศูนย์กลางทางการเงิน ซึ่งเขาไปไกลมากแล้ว จนเป็นศูนย์กลางการเงินของโลก ซึ่งอาจจะแพงไป อาจจะต้องการคุ้มครองธุรกิจการเงินเดิมๆ มากกว่าจะเปิดทางให้ธุรกิจใหม่ๆ สำหรับstartups ที่จะเริ่มต้น
เพราะฉะนั้นเรา โอกาสจึงเป็นของเมืองหาดใหญ่ถึงเวลาแล้วที่จะพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินเช่นกัน เพื่อให้ทุนจากประเทศจีน อินเดีย อาหรับ รวมถึงอาเซียนนำเงินเข้ามาพัก เข้ามาลงทุน และใช้เป็นศูนย์กลางการดำเนินธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศได้ เนื่องจากหาดใหญ่ เป็นเมืองที่มีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจทีดีมีโครงสร้างพื้นฐานที่ยอดเยี่ยม ความสามาถทางการแข่งขันที่สูง ดึงดูดผู้คนได้อย่างดี
ดร.พิสิฐ กล่าวว่า การจะสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ดี เพื่อให้เมืองหาดใหญ่เป็นศูนย์กลางการเงินนั้นรัฐต้องใส่เครื่องไม้ เครื่องมือลงไปเช่น เรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษี เรื่องกฎหมายการเข้าเมือง เรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม เรื่อง Data Technology นอกเหนือจากสภาพแวดล้อมอื่นๆ
ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์หากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะพัฒนาเมืองหาดใหญ่เป็น Hatyai International Financial Center อย่างที่เกิดขึ้นหลายแห่งในโลก สำหรับเทคโนโลยีการเงินใหม่ๆ ได้มาพัฒนา ซึ่งเชื่อว่าจะะดึงดูดการลงทุนและคนเก่งๆ จากต่างประเทศ
และคนหาดใหญ่จะมีโอกาสทำงานด้านฟินเทค สตาร์ทอัพมากขึ้น จะเป็นแหล่งทำรายได้ยั่งยืนให้คนหาดใหญ่ และภาคใต้ ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งจะมีรายได้ต่อคนสูงกว่ารายได้จากด้านอุตสาหกรรมหรือเกษตร
ด้าน ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต อดีตซีอีโอ บล. กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การจะทำให้ประเทศและหาดใหญ่ เป็นเมืองที่จะดึงดูดการลงทุน จะต้องมีความพร้อมในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานให้ครบถ้วน เพื่อให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และความเจริญทั่วประเทศ
ไม่ใช่ความเจริญกระจุกอยู่แต่ในกรุงเทพฯ เกิดเป็นระเบียงเศรษฐกิจให้กระจายออกไป เช่น ภาคอีสาน ก็จะเป็น Corridor ด้านการเกษตร กทม.ด้านสุขภาพ เฮลแคร์ ภาคใต้ หาดใหญ่ เป็น Corridor ด้านการค้า การเงินได้