วันนี้ (20 เม.ย.66) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ลงพื้นที่ย่านบางรัก ช่วยขอเสียงสนับสนุนให้ นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตพระนคร-ป้อมปราบ-สัมพันธวงศ์-ดุสิต-บางรัก โดยได้เดินทักทายพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่สัญจรไปมา พร้อมแจกใบปลิวแนะนำตัวผู้สมัคร ฝากให้เลือกพรรคประชาธิปัตย์ทั้งคนทั้งพรรค
โดย นายอภิสิทธิ์ หวังว่าประชาชนจะให้การตอบรับพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง โดยเฉพาะ นางเจิมมาศ ที่ทำงานในพื้นที่มาอย่างยาวนาน แล้ววันนี้ก็ดีใจที่พี่น้องประชาชนยังเข้ามาทักทาย แสดงความผูกพันกับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเชื่อว่าประชาชนจะเห็นการทำงานของนางเจิมมาศมาตลอดแหละจะให้การสนับสนุน โดยยอมรับว่า การแข่งขันในการเลือกตั้งครั้งนี้รุนแรงมาก และมีหลายปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจประชาชน แต่เรายังคง เน้นย้ำในความเป็นประชาธิปัตย์
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังได้กล่าวถึงประเด็นค่าไฟฟ้าแพงว่า ในสมัยที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี ชัดเจนมากในการไม่ขึ้นก๊าซหุงต้ม เพราะเป็นสิ่งที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน คิดตามราคาต้นทุน แต่น่าเสียดายที่รัฐบาลต่อมาได้ยกเลิกแนวคิดนี้
ส่วนค่าไฟฟ้านั้น ตนก็มีแนวคิดในการใช้ไฟฟรีสำหรับประชาชนที่ใช้ในครัวเรือนและปริมาณไฟไม่สูง และผู้ที่ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ควรจ่ายในอัตราไฟก้าวหน้า ซึ่งน่าเสียดายว่า เรื่องการบริหารพลังงานในวันที่ราคาตลาดโลกตกแต่ไม่มีการบริหารจัดการให้ทั่วถึงเพียงพอเพื่อช่วยในยามที่ราคาแพง ซึ่งนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองถ้าเขียนมาแล้วว่าทำได้ก็ต้องแก้ปัญหาได้ อยู่ที่ว่าเมื่อแก้แล้วจะมีผลกระทบถึง อย่างไรและยั่งยืนหรือไม่
ขณะเดียวกัน นายภิสิทธิ์ ได้ให้กำลังใจกับประชาชนในการตัดสินใจเลือกผู้แทนเพราะเข้าใจว่า เมื่อออกมาใช้สิทธิ ย่อมคาดหวังว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ในช่วงนี้หากมีอะไรที่ต้องการให้พรรคการเมืองช่วยแก้ไขเรียกร้องอะไรเพื่อตนเอง ก็ขอให้สะท้อนปัญหา และเน้นย้ำให้เลือกพรรคการเมือง และนักการเมืองที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยึดอุดมการณ์นี้มาโดยตลอด
ด้าน น.ส.วทันยา กล่าวว่า จากที่ได้ลงพื้นที่สัมผัสได้ถึงการตอบรับที่ดีมากขึ้น และบรรยากาศที่อบอุ่นจากการให้การต้อนรับของประชาชนกับทีมงานของพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะในเขตนี้ของ นางเจิมมาศ มีความมั่นใจอย่างยิ่ง เพราะ นางเจิมมาศ ได้ทำงาน และพิสูจน์ให้กับประชาชนได้เห็นมาตลอด 4 ปี ว่าแม้จะไม่มีตำแหน่งทางการเมือง และแม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่มี ส.ส.ในเขต กทม. แต่การทำงานของเราได้พิสูจน์ให้เห็น
และสิ่งที่อยากบอกไปยังประชาชน คือ การพิสูจน์ความสม่ำเสมอในการทำงาน ซึ่งเป็นจุดที่สำคัญมากในการที่เราจะต้องเลือกตัวแทน ที่เขาต้องมีความหนักแน่นในเรื่องอุดมการณ์ทางการเมือง และความตั้งใจในการทำงานที่พิสูจน์ได้ด้วยความสม่ำเสมอในการทำงาน
“มองว่า การที่อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 3 คน และเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรีถึง 2 คน มาช่วยหาเสียง เป็นการแสดงถึงความตั้งใจของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เห็นถึงคุณค่าของประชาชน เห็นคุณค่าในการลงพื้นที่ตามวิถีของระบอบประชาธิปไตย ซึ่งถือว่าเป็นจุดยืนและเจตนารมณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่สำคัญมาก”
น.ส.วทันยา ยังกล่าวถึงนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า นอกจากจะมีนโยบายที่แก้ไขปัญหาประชาชนระดับประเทศแล้ว ยังมีปัญหาของประชาชนในระดับท้องที่ ระดับพื้นที่ ซึ่งก็เป็นหนึ่งส่วนที่ ส.ส. หรือ สมาชิกของพรรคได้สะท้อนในการทำนโยบายของพรรค เพื่อนำเสนอในการเลือกตั้ง
และโดยเฉพาะใน กทม. ที่มองว่ามีปัญหาหลายภาคส่วน จึงจะเห็นได้ว่าในส่วนของ กทม. เราได้มีนโยบายแยกเฉพาะ กทม. อย่างเช่น การแสดงจุดยืนในการต่อสู้กับฝุ่น PM 2.5 และการบริหารจัดการเรื่องน้ำท่วม น้ำแล้ง อย่างเมื่อวาน (19 เม.ย.) ก็ได้ไปในพื้นที่ทุ่งครุ-ราษฎร์บูรณะ ซึ่งก็ไม่ได้มีเฉพาะน้ำท่วมน้ำแล้ง
แต่ยังมีเรื่องของปัญหาน้ำเค็ม ทำให้ส้มบางมดที่เป็นความภาคภูมิใจของคน กทม ปัจจุบันส้มบางมดเริ่มน้อยลง เพราะปัญหาของน้ำเค็ม ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนจากสวนส้มมาเป็นสวนมะพร้าว
นอกจากนี้ น.ส.วทันยา ยังได้เชิญชวนให้ประชาชนติดตามการปราศรัยใหญ่วันที่ 23 เมษายนนี้ ที่อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ ซึ่งเป็นการปราศรัยในโซนฝั่งธน ที่พรรคประชาธิปัตย์มีการจัดเวทีทุกครั้งเมื่อมีการเลือกตั้ง