ประชาธิปัตย์ หนุนปลดล็อก "sex toy" ถูกกฎหมาย สร้างรายได้ แก้ปัญหาทางเพศ

24 เม.ย. 2566 | 06:17 น.
อัปเดตล่าสุด :24 เม.ย. 2566 | 06:27 น.

ประชาธิปัตย์ หนุนปลดล็อก "sex toy" ไม่ผิดกฎหมายอาญา แก้ปัญหาลักลอบซื้อขาย ปิดช่องจนท.รัฐเรียกสินบน เปิดโอกาสสร้างรายได้ ชี้ประโยชน์ แก้ปัญหาทางเพศ ข่มขืน หย่าร้าง ค้าประเวณี

ในปัจจุบัน มีการลักลอบซื้อขายสินค้าประเภท "sex toy" หรืออุปกรณ์เพิ่มความสุขทางเพศ เนื่องจากมีความต้องการซื้อสินค้าดังกล่าว แม้จะเป็นสินค้าต้องห้าม เป็นวัตถุผิดกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 และถูกจัดให้เป็นวัตถุที่เป็นของต้องห้ามตามความหมายในพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 

กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ นางสาวรัชดา ธนาดิเรก ได้กล่าวถึงข้อเสนอและจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ ต่อกรณีของ "sex toy" หรืออุปกรณ์เพิ่มความสุขทางเพศ ว่า สนับสนุนให้มีการส่งเสริมอุตสาหกรรมเซ็กซ์ทอย โดยมีหน่วยงานรัฐ อย่างเช่น คณะกรรมการองค์การอาหารและยา (อย.) และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ควบคุม ตรวจสอบ และให้การรับรองคุณภาพของสินค้า เพื่อความปลอดภัยต่อตัวผู้ใช้

ต้องแยกสินค้าเซ็กซ์ทอยออกจากประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 แล้วกำหนดเป็นสินค้าควบคุมพิเศษภายใต้การกำกับของหน่วยงานของรัฐ และต้องกำหนดหลักเกณฑ์ผู้ซื้อเซ็กซ์ทอยต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี 

นางสาวรัชดา กล่าวถึงปัญหาจากการลักลอบขาย"sex toy" ว่าทำให้ภาครัฐต้องสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีสินค้า และยังเป็นช่องว่างนำไปสู่ปัญหาการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนที่ฉวยโอกาสเรียกรับสินบน อีกทั้งทำให้ไม่สามารถควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า อาจเกิดปัญหาเกิดปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร หรือผู้ใช้เกิดการติดเชื้อ

จากรายงานของบริษัทวิจัย เทคนาวิโอ ของประเทศอังกฤษ ได้คาดการณ์การเติบโตของตลาด"sex toy" ช่วงปี 2562-2566 ว่าจะเติบโตต่อเนื่องปีละ 7 เปอร์เซ็นต์ สร้างเม็ดเงินเพิ่มขึ้นประมาณ 3 แสนกว่าล้านบาท ตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด ได้แก่ประเทศอินเดีย และจีน 

สำหรับประเทศไทยยังมีการถกเถียงกันอยู่ว่าควรปลดล็อกให้ "sex toy" เป็นสินค้าถูกกฎหมายหรือไม่ แม้มีฝ่ายที่สนับสนุน แต่ก็มีอีกฝ่ายที่โต้แย้งหรือห่วงกังวลด้วยเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อทางศาสนา หรือเกรงว่าอาจส่งผลกระทบกับศีลธรรมและวัฒนธรรมของไทย

ทั้งนี้ หลายประเทศจัดให้เซ็กซ์ทอยเป็นสินค้าถูกกฎหมาย ประชาชนสามารถครอบครอง มีไว้จำหน่ายได้ อาทิ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เยอรมนี สาธารณรัฐเช็ก รวมถึงมีเซ็กซ์ช็อปที่จำหน่ายสินค้าอย่างเปิดเผย และสร้างรายได้จำนวนมาก อีกทั้ง "sex toy" ยังมีประโยชน์ด้านสังคม สามารถลดการค้าบริการ และปัญหาการหย่าร้างจากความต้องการทางเพศที่ไม่สมดุล ช่วยลดอัตราการก่ออาชญากรรมทางเพศ 

สถิติคดีการล่วงละเมิดทางเพศและคดีอาชญากรรมทางเพศในประเทศไทย เฉลี่ย 5 ปี ของคดีข่มขืนเฉพาะที่มีการแจ้งความ เกิดคดีข่มขืนปีละประมาณ 4,000 คดี จับคนร้ายได้ 2,400 คดี แต่เมื่อมีการทำวิจัย กลับได้ข้อสรุปว่า มีคดีข่มขืนที่ไม่ได้แจ้งความประมาณร้อยละ 87 ซึ่งหมายความว่า 1 ปี อาจมีการก่อคดีข่มขืนในไทยมากถึง 30,000 คดี