วันที่ 1 พ.ค. 66 ที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า และ นางสาวเยาวภา บุรพลชัย อดีตนักกีฬาเทควันโดเหรียญทองแดงโอลิมปิกปี 2004 ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมทีมงาน ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมรับฟังความคิดเห็นและเสนอนโยบายทางการกีฬาแก่นักกีฬาผู้พิการ ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา โดยคุณไมตรี คงเรือง เลขาธิการและประชาสัมพันธ์ สมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ให้การต้อนรับ
นายสุวัจน์ ได้นำเสนอนโยบายกีฬา ของพรรคชาติพัฒนากล้า ทั้ง 8 ข้อ พร้อมทั้งแสดงความยินดีที่ประเทศไทย โดยจังหวัดนครราชสีมา จะได้เป็นเจ้าภาพกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ในปี 2568 ซึ่ง ทางจังหวัดนครราชสีมาจะได้เป็นเจ้าภาพ โดยใช้สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ซึ่งสนามกีฬาแห่งนี้ได้เคยจัดกีฬาซีเกมส์มาแล้วในปี 2550 และ ยังใช้จัดกีฬาระดับโลกอีกหลายรายการ
“ถือเป็นประโยชน์มากที่จะได้กลับมาเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาคนพิการ อาเซียนพาราเกมส์ ในปี 2568 อีกครั้ง ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดนครราชสีมาด้วยกีฬา” นายสุวัจน์ กล่าว
ทั้งนี้ นายสุวัจน์ ยังได้นำเสนอนโยบาย 8 ข้อ ของพรรคชาติพัฒนากล้า ประกอบด้วย
1. สนับสนุนให้ประชาชนทั่วไปและเยาวชนได้ออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพ และสร้างความรักความสามัคคี ให้มีสถานที่ออกกำลังกายให้ทั่วถึง ในระดับหมูบ้าน ตำบล อำเภอ ในทุกจังหวัด โดยจัดให้มี mini sport complex และ mini fitness ให้ทั่วถึง
2. เพิ่มชั่วโมงของกิจกรรมกีฬาในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย เพื่อการออกกำลังกาย และสร้างนักกีฬาทีมชาติและกีฬาอาชีพ ส่งเสริมให้มีโรงเรียนกีฬาในภูมิภาค และส่งเสริมหลักสูตรกีฬาและวิทยาศาสตร์การกีฬาในสถาบันการศึกษา
3. ดึงภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจเข้ามาสนับสนุนการพัฒนาวงการกีฬา การจัดกีฬา การสร้างนักกีฬา โดยใช้มาตราการทางภาษีเป็นแรงจูงใจ
4. ส่งเสริมให้มีการจัดกีฬาระดับโลกในไทย เพื่อส่งเสริมเยาวชนให้สนใจกีฬา สร้างนักกีฬาทีมชาติ สร้างนักกีฬาอาชีพ และธุรกิจด้านกีฬา เพื่อสร้างงานสร้างรายได้สร้างพื้นฐานใหม่ ด้านเศรษฐกิจจากกีฬา และเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศ ใช้กีฬาส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยการจัดกีฬาระดับโลกตามเมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ
5. ผลักดันกีฬาที่เป็นของคนไทยและกีฬาพื้นบ้านให้เป็นกีฬาสากล เพื่อความภาคภูมิใจ ประชาสัมพันธ์ประเทศ เช่น การจัดแข่งขันมวยไทย สร้างความเป็นอัตลักษ์ทางด้านกีฬา เพื่อเป็น Soft Power สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้ประเทศชาติ
6. ส่งเสริมให้มีลีคกีฬาอาชีพในทุกประเภทกีฬา เพื่อพัฒนาการกีฬาและสร้างนักกีฬาอาชีพ และเศรษฐกิจด้านกีฬา
7.เพิ่มเงินรางวัลให้นักกีฬาที่ชนะเลิศการแข่งขัน ระดับโอลิมปิค เหรียญทอง 20 ล้านบาท เอเชี่ยนเกมส์ เหรียญทอง 5 ล้านบาท ซีเกมส์ เหรียญทอง 1 ล้านบาท เพื่อสร้างแรงจูงใจ ในการสร้างชื่อเสียงและประชาสัมพันธ์ประเทศและความรักชาติ เพิ่มสวัสดิการดูแลฮีโร่นักกีฬาของชาติเพื่อเป็น idol แบบอย่างในการกระตุ้นเยาวชนและการพัฒนาวงการกีฬา
8.จัดตั้งกองทุน Soft power 10,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนกีฬาที่เป็น soft power ที่สำคัญของชาติ เพื่อให้มีเงินทุนในการสนับสนุนด้านกีฬา ให้เกิดประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สร้างความสุข เช่น การสร้างนักกีฬาดาวรุ่งจากเยาวชนสู่ระดับโลก การจัดกีฬาระดับโลก
การจัดกีฬาตามเมืองท่องเที่ยว การอุดหนุนสมาคมกีฬาเพื่อพัฒนานักกีฬา การถ่ายทอดกีฬาระดับโลกให้คนไทยได้ชม และ สนับสนุนภาระกิจต่างๆ ในการนำ soft Power ด้านกีฬามาก่อให้เกิดประโยชน์
จากนั้น นายสุวัจน์ ได้รับฟังข้อคิดเห็นจากนักกีฬา และ ทีมงานนักกีฬาคนพิการ แพทย์ประจำทีม ซึ่งมีประเด็นเรื่องการส่งเสริมคนพิการให้มีศักยภาพมากขึ้นด้วยกีฬา ได้นำเสนอว่า คนพิการปกติต้องมีคนดูแล อย่างน้อย 1-2 คน ต่อคนพิการ 1 คน ซึ่งหมายความว่าคนในครอบครัวต้องออกจากงาน ขาดรายได้
แต่เมื่อคนพิการได้รับการส่งเสริมการเล่นกีฬา เขาก็แข็งแรง ดูแลตนเองได้ และ สามารถเป็นหลักของครอบครัวได้ โดยนายสุวัจน์กล่าวว่า เราต้องมีการส่งเสริมคนพิการให้ได้เล่นกีฬา หรือ ส่งเสริมจนเป็นนักกีฬาเพื่อที่จะได้ดูแลตนเองได้อย่างยั่งยืน
ในส่วนของการพัฒนากีฬาอาชีพ นายสุวัจน์ กล่าวว่า ในสมัยที่ตนเองเป็นรองนายกรัฐมนตรี ได้มีโครงการ 1 รัฐวิสาหกิจ 1 กีฬา มาวันนี้เราควรดึงภาคเอกชน หรือ ภาคเอกชนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ 100 กว่าบริษัทมาช่วยกันส่งเสริมกีฬาอาชีพ มาสร้างนักกีฬาอาชีพ ในรูปแบบการ CSR และ สร้างแรงจูงใจด้านภาษี เพื่อให้เอกชนมาสนับสนุน ซึ่งนโยบายกีฬาของชาติพัฒนากล้าเราสามารถทำได้ทันที