วันที่ 7 พ.ค.2566 เวลา 18.15 น. พรรครวมไทยสร้างชาติ จัดเวทีปราศรัยใหญ่ นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางพร้อมด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรค นายอนุชา บูรพชัยศรี รองหัวหน้าพรรค และแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ จ.ภูเก็ต ประกอบด้วย เขต 1 นายปิยะ สีดอกบวบ เบอร์ 8 ,เขต 2 นางนวลจันทร์ สามารถ เบอร์ 3,เขต 3 ว่าที่ร้อยตรีชาญณรงค์ ประทีป ณ ถลาง เบอร์ 7
ทั้งนี้ ก่อนการขึ้นปราศรัย"ลุงตู่"ได้นำทีมร่วมเดินทางไปสักการะอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร บริเวณวงเวียนสี่แยกท่าเรือ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พร้อมพบปะประชาชนที่เดินทางมารอต้อนรับ ก่อนจะเดินทางต่อไปยังลานเวทีกลางสะพานหิน จ.ภูเก็ต เพื่อขึ้นปราศรัยท่ามกลางผู้สนับสนุนและประชาชนชาวภูเก็ต ที่มารอฟังการปราศรัยและส่งเสียงเชียร์จำนวนมาก พร้อมมอบดอกไม้ และมาลัยสะตอ แขวนคอให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมมอบดอกไม้ให้กับคณะ รวมถึงตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทั้ง 3 คน
พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวทักทายประชาชน โดยระบุว่าตนเดินทางมาภูเก็ตหลายครั้งแล้ว หวังว่าทุกคนคงจำหน้าตนได้ ช่วงสถานณ์โควิด-19 จ.ภูเก็ตเคยเงียบเหงา แต่ตนตัดสินใจที่จะเปิด จ.ภูเก็ต เป็นที่แรก เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยว สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ทุกคนลืมหน้าอ้าปากได้
และหลังจากนี้ยังจะมีการจัดงานสเปเชียลเอ็กซ์โปด้วย จึงอยากให้ทุกคนให้โอกาสเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติให้มาทำงานต่อ เพราะที่ผ่านมาเป็นผลงานที่เชื่อว่าทุกคนจำได้ดี และพรรคเองก็ยังมีนโยบายที่จะทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคงในทุกเรื่องด้วย
สิ่งสำคัญนอกจากธรรมชาติที่สวยงามของภูเก็ตแล้ว ยังเป็นรอยยิ้มของคนภูเก็ต ตนเป็นทหารมาก่อน รังเกียจตนหรือไม่ และทหารที่ดูแลบ้านเมืองก็เป็นลูกหลานของทุกคนทั้งสิ้น อย่าให้ใครมาบอกว่าข้าราชการคือช้างป่วย ถ้าทหารและข้าราชการเป็นช้างป่วย ประเทศจะมั่นคงอย่างนี้หรือไม่
ดังนั้น จึงควรยุติเรื่องความแตกแยกภายในประเทศ เพราะเป็นสิ่งที่อันตรายมาก พร้อมยกบทกลอน “อันศึกนอกศึกในนั้นไม่ห่วง แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง” อย่าให้ใครมาทำให้เกิดความแตกแยก โดยเฉพาะการแตกแยกในครอบครัว พ่อทะเลาะกับลูก แม่ทะเลาะกับลูก อย่างนี้ทำไม่ได้
“ลุงตู่" ยังกล่าวอีกว่า "มาภูเก็ตได้หัวใจคนภูเก็ตทำให้หัวใจโต และวันนี้มาเพราะความคิดถึง คิดถึงจังฮู้ แล้วกินอาหารทุกมื้อก็หรอยแรง”
อยากให้คนไทยทุกคนลองจินตนาการ ว่าอยากให้ประเทศชาติเป็นไปแบบไหน ถ้าหากอยากให้ประเทศชาติพัฒนาไปข้างหน้าเหมือนกับทุกวันนี้ ต้องเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะพรรคมีนโยบายทุกอย่างที่จะทำให้ประเทศเจริญรุ่งเรืองต่อไป นโยบายต่าง ๆ มีจำนวนมาก ทั้งบัตรลุงตู่ คนละครึ่ง เที่ยวด้วยกัน นโยบายแก้หนี้ นโยบายสนับสนุนกลุ่มผู้ทำงานต่าง ๆ การสร้างศูนย์ดูแลด้านสุขภาพให้กับทั้งผู้สูงวัยและผู้เจ็บป่วย
การพร้อมสร้างการคมนาคมใหม่ ทั้งท่าเรือ สนามบินใหม่ รถไฟความเร็วสูง เป็นแผนพัฒนาการคมนาคมที่ยั่งยืน บางอย่างทำเสร็จแล้วบางอย่างยังทำไม่เสร็จ ต่อจากนี้มีแผนไป ถึงปี 2569 ล้วนเป็นนโยบายที่พรรครวมไทยสร้างชาติเตรียมไว้ ถ้าหากได้มีโอกาสได้ทำงานเป็นรัฐบาลจะสามารถทำต่อได้ทันที ไม่ต้องเริ่มใหม่
ในส่วนของนโยบายต่างประเทศ ก็ต้องสร้างสมดุลให้ได้ และตนก็ทำมาตลอด จริงๆ ตนไม่ได้ขออะไรมากแค่ขอ 1 คน 1 เสียงเท่านั้น อย่ากาเบอร์ผิด อย่าเชื่อใครว่าตนไปอยู่พรรคอื่นแต่ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่พรรครวมไทยสร้างชาติพรรคเดียวเท่านั้น บางคนออกมาบอกว่าตนแก่แล้ว "แต่ผมยังไม่แก่ และให้ผมไปเลี้ยงหลาน แต่เผอิญตนไม่มีหลานก็เลยต้องอยู่ต่อ"
พร้อมกับกล่าวด้วยว่าตนมีหัวใจเป็นสีม่วง เปรียบเสมือนหัวใจของคนใกล้ตายจึงไม่โกหก แต่บางคนใกล้ตายกลับพูดจาโกหก เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาทุกวัน ดังนั้น จึงขอให้เชื่อว่าตนเป็นคนพูดจริงทำจริง ถ้าอยากได้รัฐบาลที่ทำจริงและมีผลงานชัดเจน ต้องเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ และวอนขอพี่น้องชาวภูเก็ตเลือกยกทีมทั้งจังหวัด ขอพรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้ง 3 เขตด้วย
จากนั้น ลุงตู่ได้อำลาพี่น้องบนเวที และลงมาร่วมถ่ายภาพกับพี่น้องชาวภูเก็ต ก่อนเดินทางกลับ