ความคืบหน้าภายหลังจาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับว่าถือหุ้นไอทีวี และ ได้โอนหุ้นให้กับทายาทที่เกี่ยวข้องเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดมี รายงานข่าวจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. วานนี้ (6 มิ.ย.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการเลือกตั้ง หรือ กกต. ได้มีการพิจารณากรณีสำนักงาน กกต. รายงานผลการดำเนินการเกี่ยวกับคำร้องขอให้ตรวจสอบว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีลักษณะต้องห้ามของการลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส. เนื่องจากถือหุ้น ITV หรือไม่ และการยินยอมให้พรรคส่งชื่อตนเองเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลำดับที่ 1 รวมถึงยอมให้เสนอชื่อเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี เข้าข่ายรู้อยู่แล้วว่าตนเองไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ยังคงลงสมัครรับเลือกตั้ง ตามมาตรา 151 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.หรือไม่
โดยสำนักงาน กกต. เสนอว่า เรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติ ส.ส. เนื่องจากนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 66 ซึ่งพ้นระยะเวลาการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส. ตามมาตรา 51 ประกอบมาตรา 60 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่กำหนดว่าต้องยื่นภายใน 7 วัน นับแต่ กกต.ประกาศรายชื่อเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง จึงต้องเสนอ กกต.ให้มีคำสั่ง โดยให้พนักงานสืบสวนไต่สวนของสำนักงาน กกต. เป็นผู้ดำเนินการสืบสวนไต่สวนต่อตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวนและการวินิจฉัยชี้ขาด 2561 ซึ่งก็จะนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการไต่สวน
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม กกต. ยังเห็นว่าที่สำนักงาน กกต.เสนอ มีรายละเอียดไม่ครบถ้วน เช่น คำร้องมีการร้องในประเด็นใดบ้าง หลักฐานเป็นอย่างไร ข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างไร จึงให้ไปดำเนินการมาให้ครบถ้วน และจะเสนอที่ประชุมกกต. พิจารณาใหม่โดยเร็ว