แหล่งข่าวกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า นาย ณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว ในฐานะอนุกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการผลิต ในคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) มีหนังสือด่วนที่สุด ระบุข้อความสำคัญว่า ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานคณะอนุฯ ได้เรียกประชุมหารือในวันที่ 18 เมษายน 2568 คาดว่าเรื่องจะหารือเป็นความคืบหน้าผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรนาปรัง ปี 2568 สรุปตัวเลขจำนวนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียน เพื่อนำมาคำนวณการจ่ายเงินช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรนาปรัง ในไร่ละ 1,000 บาทไม่เกิน 10 ไร่ จะต้องเสนอเข้าไปทบทวน นบข.ใหม่เนื่องจากงบประมาณไม่เพียงพอ
นอกจากนั้นการรับมือข้าวนาปี ฤดูการผลิต 2568/69 เพื่อคำนวณผลผลิตคาดว่าจะมีเท่าไร และมาตรการที่จะสกัดข้าวไม่ให้ทะลักออกมาพร้อมกัน โดยเฉพาะข้าวเกรดพรีเมียม ก็คือ ข้าวหอมมะลิ ซึ่งปีที่แล้วราคาข้าวดีมาก ซึ่งจะต้องมาคำนวณว่ามาตรการที่ผ่านมาเพียงพอหรือไม่ เช่น โครงการสินเชื่อชะลอข้าวนาปี อาจจะต้องเพิ่มโรงสีเข้าเพิ่มเก็บสต็อกด้วย เนื่องจากสถาบันเกษตรกรและยุ้งฉางชาวนาอาจจะมีไม่เพียงพอกับปริมาณข้าวที่ออกมาพร้อมกัน และคู่ขนานไปกับโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อกข้าว ช่วยดอกเบี้ยผู้ประกอบการ จะต้องเพิ่มและจูงใจให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมมากที่สุด
อย่างไรก็ดีในวันนั้นจะมีองค์กรชาวนาต่างๆ เข้ามาร่วมประชุม จะต้องรับฟังความคิดเห็น ว่าอยากให้รัฐบาลทำอะไร มากกว่าที่จะจ่ายเงินตรงเช่นทุกปี จะเห็นว่าไม่ตอบโจทย์ความต้องการทำให้หลายองค์กรชาวนา ร้องเรียนกันไม่จบ อย่างไรก็ดีภาษีทรัมป์ก็มีความเสี่ยงสูงโดยเฉพาะตลาดข้าวหอมมะลิ ที่ไปสหรัฐอเมริกา ภาษีจะปรับเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นเป็นความท้าทายของเอกชนและรัฐบาลไทย ที่จะก้าวข้ามพ้นวิกฤตช่วยราคาข้าวชาวนาให้พ้นราคาตกต่ำได้หรือไม่ นี่เป็นโจทย์ใหญ่ที่ท้าทาย เมื่อผ่านอนุฯผลิต แล้วก็จะเข้าคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ ด้านการตลาด (คณะอนุกรรมการ นบข.ด้านตลาด) เพื่อรวบรวมส่งให้ นบข.ประชุม และนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามลำดับ ต่อไป
ตัวอย่าง "พันธุ์ข้าว" ในประเทศไทย