มะกัน "ชัตดาวน์" ส่อลากยาวถึงต้นปีหน้า! เกษตรกรเจอผลกระทบ ชะลอจ่ายงบชดเชย "สงครามการค้า"

26 ธ.ค. 2561 | 06:58 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ธ.ค. 2561 | 20:47 น.
ผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐอเมริกา ที่ทำให้เห็นว่า ฐานเสียงในสภาคองเกรสของรัฐบาลรีพับลิกันจะอ่อนแอลงและทำให้รัฐบาลผ่านร่างกฎหมายยากขึ้น วันนี้ส่อเค้าแล้วว่า คงเป็นจริงเช่นนั้น สะท้อนจากเหตุการณ์ "ชัตดาวน์" หรือ การปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลบางส่วน (มียกเว้นเพียงบางหน่วยงาน) เป็นการชั่วคราวเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 22 ธ.ค. ที่ผ่านมา หลังจากที่สภาคองเกรสไม่สามารถผ่านกฎหมายงบประมาณ เนื่องจากสมาชิกสภาฯ มีความเห็นขัดแย้งกันในเรื่องการบรรจุงบประมาณเพื่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐฯ กับเม็กซิโก ซึ่งเป็นความต้องการของประธานาธิบดี "โดนัลด์ ทรัมป์" ในกฎหมายฉบับนี้


● แผนสร้างกำแพงทำสภาร้าว

คลื่นความปั่นป่วนเริ่มขึ้นตั้งแต่วันพุธ (19 ธ.ค.) เมื่อสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. ทั้งฝ่ายรีพับลิกันและเดโมแครต ลงมติเห็นชอบร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว ซึ่งจะทำให้หน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐเปิดทำการไปได้จนถึงวันที่ 8 ก.พ. ปีหน้า (2562) แต่ไม่รวบงบประมาณในการสร้างกำแพงกั้นพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก ซึ่งเป็นโครงการที่นายทรัมป์ผลักดัน เขาออกมาขู่ว่า จะไม่ลงนามบังคับใช้กฎหมายงบประมาณฉบับใดก็ตามที่ไม่มีงบสำหรับการสร้างกำแพง วงเงินอย่างน้อย 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จนในที่สุด สภาผู้แทนราษฎร หรือ สภาล่าง ที่รีพับลิกันยังครองเสียงข้างมากต้องยอมผ่านกฎหมายงบประมาณ ซึ่งรวมงบฯ สำหรับสร้างกำแพงจำนวน 5,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงคัดค้านของฝ่ายเดโมแครต


border-wall-construction-santa-teresa-2

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสภาสูง หรือ วุฒิสภา ที่รีพับลิกันยังครองเสียงข้างมาก (51 ต่อ 49) แต่ ส.ว.รีพับลิกัน ก็ไม่สามารถระดมเสียงในวุฒิสภาให้ได้ถึง 60 เสียง ที่จำเป็นต้องใช้เพื่อผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ก่อนเที่ยงคืนวันศุกร์ (21 ธ.ค.) สภาชิกสภาคองเกรสได้เข้าพบ นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดี และเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว เพื่อหาวิธีรอมชอมหาจุดพบกันครึ่งทางที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว ดังนั้น เมื่อเลยเที่ยงคืน กฎหมายงบประมาณฉบับเก่าที่ใช้ขับเคลื่อนหน่วยงานภาครัฐกว่า 1 ใน 4 ก็หมดอายุลง ทำให้สหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะชัตดาวน์ครั้งที่ 3 ในรอบ 1 ปี


A sign declares the National Archive is closed due to a partial federal government shutdown in Washington

ส่งผลให้ 9 ใน 15 กระทรวงของสหรัฐฯ รวมทั้งกระทรวงต่างประเทศ กระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตร และกระทรวงยุติธรรม ต้อง "ชัตดาวน์" หรือ ปิดทำการบางส่วน และบางหน่วยงานแม้ยังคงต้องทำงานอยู่ แต่ก็เป็นการทำงานโดยไม่ได้ค่าจ้าง อาทิ เจ้าหน้าที่ชายแดนและศุลกากร ซึ่งในส่วนนี้มีประมาณ 420,000 คน ขณะที่ กลุ่มถูกพักงานชั่วคราวโดยไม่ได้ค่าจ้าง มีประมาณ 380,000 คน สำหรับหน่วยงานสำคัญ ๆ ที่ได้รับการยกเว้นให้เปิดดำเนินการต่อ ได้แก่ หน่วยงานด้านกลาโหมและการรักษาความปลอดภัย สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) หน่วยลาดตระเวนชายแดนและชายฝั่ง หน่วยงานด้านการเดินทาง บริการพาสปอร์ต บุคลากรการแพทย์ ไปรษณีย์ รวมทั้งหน่วยงานสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน

แม้ว่าพนักงานรัฐบางคนจะยังคงได้ทำงานต่อไป พนักงานเหล่านี้จะไม่ได้รับค่าจ้างในช่วงวันชัตดาวน์ แต่พวกเขาจะได้รับการจ่ายเงินย้อนหลัง โดยวุฒิสภาได้ผ่านร่างกฎหมายยืนยันแล้วว่า พนักงานรัฐจะได้รับเงินคืนย้อนหลัง


● เปิดสภาครั้งหน้ายิ่งเข็นยาก

เป็นที่คาดหมายว่า การชัตดาวน์ครั้งนี้อาจจะลากยาวพ้นวันคริสต์มาสไปจนถึงต้นปีหน้า หลังจากวุฒิสภา ซึ่งต้องผ่านกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เลื่อนการประชุมไปจนถึงวันพฤหัสบดีที่ 27 ธ.ค. เนื่องจากไม่สามารถหาข้อสรุปเรื่องงบสร้างกำแพงกั้นชายแดน นายชัค ชูเมอร์ ผู้นำฝ่ายเดโมแครตในวุฒิสภา ได้เคยประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้ ว่า เดโมแครตจะไม่มีวันผ่านร่างกฎหมายงบประมาณที่สอดไส้งบสร้างกำแพง ไม่ว่าจะเป็น วันนี้ สัปดาห์หน้า หรือ ปีหน้า เขายังประกาศด้วยว่า ถ้าประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการให้หน่วยงานภาครัฐเปิดทำการ ก็ต้องทิ้งเรื่องการสร้างกำแพง "วุฒิสภาไม่ต้องการนำเงินภาษีของชาวอเมริกันไปใช้กับนโยบายที่ไม่จำเป็นไม่ได้ผลและเปล่าประโยชน์" ผู้นำเดโมแครตในวุฒิสภา กล่าว ทั้งนี้ เดโมแครตสนับสนุนการสร้างรั้วกั้นแนวชายแดนและเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย แต่ไม่สนับสนุนการสร้างกำแพง


trump
"สิ่งเดียวที่ได้ผลก็คือกำแพงที่ดูคร่ำครึนี่แหละ"

ด้าน ผู้นำสหรัฐฯ ได้โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ว่า เขากำลังเจรจากับเดโมแครตเรื่องการรักษาความปลอดภัยบริเวณชายแดน ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน แต่การเจรจาอาจจะต้องใช้เวลานาน "ทางเดียวที่จะสกัดกั้นยาเสพติด แก๊งข้ามชาติ การค้ามนุษย์ อาชญากรรมและอื่น ๆ ไม่ให้เข้ามาในประเทศของเรา ก็คือ กำแพง โดรน หรือ อะไรที่พูด ๆ กันนั้น มันอาจจะดูดีมีสีสัน แต่สิ่งเดียวที่ได้ผล คือ กำแพงที่ดูคร่ำครึนี่แหละ"

นายมิค มัลวานีย์ ผู้อำนวยการ สำนักงบประมาณฯ และหัวหน้าทีมเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวคนใหม่ ได้ออกมายอมรับเมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า มีความเป็นไปได้มากว่า การชัตดาวน์ครั้งนี้จะลากยาวพ้นวันที่ 28 ธ.ค. และล่วงเลยไปถึงการประชุมสภาคองเกรสครั้งหน้า ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันที่ 3 ม.ค. 2562 สถานการณ์ดูจะมีแนวโน้มแย่ลงสำหรับรัฐบาลพรรครีพับลิกัน เพราะแม้จะมีเสียงในวุฒิสภาเพิ่มขึ้นจาก 51 เป็น 53 เสียง (หลังวันที่ 3 ม.ค.) แต่ในสภาผู้แทนราษฎร เสียงข้างมากจะกลับมาเป็นของฝ่ายเดโมแครต ซึ่งหาก นางแนนซี เปโลซี (เดโมแครต) ได้ขึ้นมาเป็นประธานสภาฯ แผนสร้างกำแพงของประธานาธิบดีทรัมป์ก็อาจจะเจออุปสรรคใหญ่ เพราะนางเปโลซีเป็นหนึ่งในผู้ที่แสดงตัวคัดค้านการสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโกอย่างชัดเจนมาตั้งแต่ต้น


● เกษตรกรเจอลูกหลงชัตดาวน์

กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ออกมาแถลงว่า ถ้าการปิดทำการหน่วยงานภาครัฐยังคงลากยาวต่อไป กระทรวงก็จำเป็นต้องยุติการจ่ายเงินชดเชยให้แก่เกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนเป็นการชั่วคราว เริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป


soybean



โครงการจ่ายเงินชดเชยดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนช่วยเหลือฉุกเฉิน 12,000 ล้านดอลลาร์ ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งเป็นวงเงินไว้ช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้แก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ตั้งแต่เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา
โดยเกษตรกรที่ได้รับความช่วยเหลือจากโครงการนี้ เป็นผู้ได้รับผลกระทบจากการตั้งกำแพงภาษีของจีนตอบโต้มาตรการของสหรัฐฯ ที่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนก่อน อาทิ เกษตรกรผู้ผลิตและส่งออกถั่วเหลือง ข้าวโพด ฝ้าย อัลมอนด์ ผลิตภัณฑ์นมเนย สุกร ข้างฟ่างและข้าวสาลี กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ระบุว่า หลังการชัตดาวน์ หลายโครงการของกระทรวงจะต้องยุติชั่วคราว เนื่องจากปัญหาด้านการเบิกจ่ายงบประมาณ โดยการชัตดาวน์ในสัปดาห์แรกจะส่งผลกระทบต่อโครงการชำระเงินชดเชยโดยตรงแก่เกษตรกร รวมทั้งโครงการให้กู้แก่เกษตรกรด้วย

 

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว

[caption id="attachment_366249" align="aligncenter" width="335"] เพิ่มเพื่อน [/caption]